อินเทลเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel Core Mobile เจนเนอเรชั่น 12 ใหม่ล่าสุด ทั้งหมด 28 ตัว ร่วมด้วยโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป 22 ตัว เสริมพลังขับเคลื่อนทุกการใช้งาน ทั้งการเล่นเกม แล็บท็อปและเดสก์ท็อปพีซีสำหรับสายคอนเทนต์ ระบบพร้อมใช้งานในองค์กร ไปจนถึงแอปพลิเคชัน IoT ต่างๆ
Gregory Bryant รองประธานกรรมการบริหาร และผู้จัดการทั่วไป ของ Intel Client Computing Group กล่าวว่า “สถาปัตยกรรมไฮบริดอันทรงประสิทธิภาพใหม่ล่าสุดของอินเทล จะช่วยเร่งความเร็วของนวัตกรรมและอนาคตของการประมวลผลไปอีกระดับ และด้วยการเปิดตัวของโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 เรากำลังปลดล็อกประสบการณ์ใหม่ๆ และกำหนดมาตรฐานด้านประสิทธิภาพด้วยโปรเซสเซอร์สำหรับแล็ปท็อปที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
อินเทลนำเสนอโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12
อินเทลยังคงเดินหน้านำเสนอประสิทธิภาพการทำงานของโปรเซสเซอร์โมบายล์ชั้นนำในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core H-series เจนเนอเรชั่น 12 รุ่นใหม่ล่าสุด นำโดย Intel Core i9-12900HK ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มเกมโมบายล์ที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วแรงที่สุดเท่าที่เคยสร้างมาอีกด้วย
ด้วยการจับคู่ของสถาปัตยกรรมไฮบริดของอินเทลอย่าง Performance-cores (P-cores) และ Efficient-cores (E-cores) ร่วมกับการจัดลำดับของการทำงานเวิร์กโหลดและการกระจายงานผ่าน Intel® Thread Director ส่งผลให้ Intel Core i9-12900HK ใหม่จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชั่นแบบซิงเกิลเธรดและมัลติเธรดให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีประมวลผล Intel 7 โปรเซสเซอร์ Intel Core H-series เจนเนอเรชั่น 12 ใหม่ ประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้
• ด้วยความถี่ที่สูงสุดถึง 5 GHz, 14 คอร์ (6 P-cores และ 8 E-cores) และ 20 เธรดทำให้ Intel Core i9-12900HK เจนเนอเรชั่น 12 เป็นโปรเซสเซอร์โมบายล์ที่เร็วที่สุด พร้อมมอบประสิทธิภาพความเป็นผู้นำที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าของอินเทลและของคู่แข่ง
• ประสิทธิภาพการใช้งานยังครอบคลุมไปถึงประสบการณ์การเล่นเกมและเครื่องมือสร้างคอนเทนต์แบบเหนือชั้น โดย Intel Core H-series เจนเนอเรชั่น 12 ใหม่ ถือเป็นแพลตฟอร์มเกมโมบายล์ที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เร็วขึ้นถึง 28 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้นำเกมโมบายล์ก่อนหน้าในตลาด นั่นคือ Intel Core i9-11980HK โดย Intel Core H-series เจนเนอเรชั่น 12 สามารถมอบผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่การใช้งานทั่วไปสำหรับผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ เช่น ผู้ใช้อาจสังเกตถึงประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นถึง 43 เปอร์เซ็นต์ ในการเรนเดอร์ 3 มิติ เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อนหน้า
• รองรับหน่วยความจำแบบครอบคลุมสำหรับโมดูล DDR5/LPDDR5 และ DDR4/LPDDR4 สูงสุดถึง 4800 MT/s ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสำหรับโปรเซสเซอร์โมบายล์ H-series
• การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นเกือบสามเท่า บนช่องสัญญาณความเร็วที่สูงเป็นพิเศษโดยไม่มีการรบกวนจากสัญญาณ Wi-Fi แบบเดิม การใช้ Intel® Wi-Fi 6E (Gig+) ในตัวทำให้ผู้ใช้งานมีอิสระในการทำงาน สามารถเรียนหนังสือจากที่บ้าน และผ่อนคลายด้วยการสตรีมเกมที่ราบรื่นด้วยคุณภาพการใช้งานที่ยอดเยี่ยม
• รองรับ Thunderbolt™ 4 ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดถึง 40Gbps นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อจากพีซีไปยังจอภาพที่มีขนาด 4K และอุปกรณ์เสริมต่างๆ
โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core H-series เจนเนอเรชั่น 12 ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักเล่นเกม นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ และวิศวกรมืออาชีพที่ต้องการยกระดับประสิทธิภาพของแล็ปท็อปให้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น โปรเซสเซอร์โมบายล์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้มอบประสิทธิภาพการทำงานระดับเดสก์ท็อปแม้ในขณะเดินทาง โดยจะมีระบบไฟฟ้าพร้อมใช้งานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป
ตระกูลโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 ที่ขยายครอบคลุมทุกการใช้งาน ยังรวมถึงโปรเซสเซอร์โมบายล์ U-series และ P-series ใหม่ โดยโปรเซสเซอร์ Intel Core P-series มาพร้อมกับจำนวนคอร์สูงสุด 14 คอร์ และเธรดสูงสุด 20 เธรด รองรับกราฟิกแบบครบวงจร Intel® Iris® Xe และใช้พลังงานพื้นฐาน 28 วัตต์ โปรเซสเซอร์ P-series ได้รับการออกแบบมาสำหรับแล็ปท็อปประสิทธิภาพสูงที่มีความบางและเบา
ในขณะที่โปรเซสเซอร์ U-series ใช้พลังงานพื้นฐาน 9-15 วัตต์ เหมาะสำหรับแล็ปท็อปที่บางและเบาที่มีการปรับแต่งฟอร์มแฟคเตอร์ (form factor) เรียบร้อยแล้ว โปรเซสเซอร์โมบายล์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่จำเป็นสำหรับแล็ปท็อปที่บางและเบาหลากหลายรุ่นโดยเฉพาะ รวมไปถึงฟอร์มแฟคเตอร์ล้ำสมัยที่บริษัทผู้รับจ้างผลิตและประกอบสินค้าหรือ OEM (Original Equipment Manufacturer) จะส่งมอบในปี 2565 นี้ เช่น แล็ปท็อปแบบพับได้ แล็ปท็อป 2-in-1 และแล็ปท็อปที่สามารถแยกหน้าจอและแป้นพิมพ์ออกจากกันได้ ฯลฯ
โปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core U-series และ P-series เจนเนอเรชั่น 12 เหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับปริมาณเวิร์กโหลดในเวลาเดียวกันได้พร้อมๆ กัน ช่วยเสริมประสิทธิภาพการผลิตของธุรกิจ และแม้กระทั่งการเล่นเกมด้วยประสิทธิภาพความคมชัดสูงแบบ Full HD โดยโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core U-series และ P-series จะวางจำหน่ายในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ดีไวซ์ที่ออกแบบมาสำหรับทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Chrome
เสริมทัพตระกูลโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 พร้อมตัวเลือกแพลตฟอร์มใหม่
วันนี้ ตระกูลโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 ประกาศเปิดตัวโปรเซสเซอร์ใหม่อีก 22 ตัว ครอบคลุมตั้งแต่โปรเซสเซอร์ Intel Core i9 ไปจนถึง Pentium และ Celeron โปรเซสเซอร์เหล่านี้ (ขนาด 65 วัตต์และ 35 วัตต์) ส่งมอบพลังงานที่ปรับขนาดได้ตามลักษณะการใช้งาน และชูประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมสำหรับการเล่นเกม การสร้างสรรค์ คอนเทนต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น อินเทลยังได้เปิดตัว Intel® Laminar Coolers ใหม่ที่มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ขนาด 65 วัตต์ ตัวใหม่ด้วย
นอกจากนี้ อินเทลยังนำเสนอชิปเซ็ต Intel® H670, H610 และ B660 ใหม่ล่าสุดที่จะช่วยเสริมการทำงานของโปรเซสเซอร์สำหรับผู้บริโภคหลากหลายรุ่น ตัวเลือกชิปเซ็ตใหม่นี้จะส่งมอบศักยภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมของแพลตฟอร์ม Z-series เช่น PCIe 4.0 lanes, Intel® Wi-Fi 6E (Gig+) แบบผสานรวม และ Intel® Volume Management Device (VMD) รวมถึงรองรับการทำงานของหน่วยความจำและการโอเวอร์คล็อก (overclock) ของโปรเซสเซอร์
ชูประสบการณ์ใหม่สำหรับโลกโมบายล์ด้วย Intel Evo
การเปิดตัวโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 ในครั้งนี้ ยังรวมถึงการอัปเดตใหม่ล่าสุดของมาตรฐานแพลตฟอร์ม Intel Evo สำหรับแล็ปท็อปและฟอร์มแฟคเตอร์แบบพกพาตัวอื่นๆ ที่ผ่านการรับรองคุณสมบัติครั้งที่สามและคุณสมบัติที่บ่งชี้ประสบการณ์หลักของอินเทลในโครงการนวัตกรรม Project Athena ของอินเทล ด้วยการดีไซน์ออกแบบและพัฒนาร่วมกันกว่า 100 รุ่นที่ใช้งานโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 รวมถึงจอแสดงผลแบบพับได้แบบใหม่และโปรเซสเซอร์โมบายล์ Intel Core H-series, U-series และ P-series ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งคาดว่า แล็ปท็อปและฟอร์มแฟคเตอร์เหล่านี้จะเริ่มผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน Intel Evo โดยส่วนใหญ่จะวางจำหน่ายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565
นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องประสิทธิภาพความรวดเร็วในการตอบสนอง อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ตอบโจทย์โลกการใช้งานจริง การเปิดใช้งานได้ทันทีและการชาร์จไฟอย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีชุดข้อกำหนดของระบบและการทดสอบเพิ่มเติมที่เรียกว่า “การทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด” (intelligent collaboration) ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเงื่อนไขการรับรองคุณสมบัติครั้งที่สาม คุณสมบัติการทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดจะช่วยสร้างความมั่นใจถึงประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้งาน เมื่อทำงานร่วมกันผ่านแอปการประชุมวิดีโอออนไลน์บนเครื่องพีซี ด้วยเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนที่ใช้ AI รวมถึง Intel Wi-Fi 6E (Gig+) แบบผสานรวม, Intel® Connectivity Performance Suite, และเอฟเฟกต์การถ่ายภาพด้วยกล้องที่เร่งประสิทธิภาพด้วย AI
เพื่อเป็นการขยายประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์เสริม อินเทลได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรม Engineered for Intel® Evo™ และ Intel® Evo™ vPro® ในการสร้างประสบการณ์แบบครบวงจรผ่านการออกแบบทางวิศวกรรมร่วมกันและการทดสอบของอินเทลสำหรับ Thunderbolt™ และอุปกรณ์เสริม Bluetooth ต่างๆ
แพลตฟอร์ม Intel vPro ที่สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจทุกรูปแบบ
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ในอุตสาหกรรม อินเทลขอนำเสนอมาตรฐานแพลตฟอร์ม Intel vPro® เวอร์ชันใหม่ เพื่อมอบแนวทางที่ปรับให้เหมาะกับธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพระดับองค์กรของโปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 สำหรับลูกค้าองค์กรธุรกิจโดยเฉพาะ
• Intel vPro Enterprise คือแพลตฟอร์มที่มีคุณสมบัติครบถ้วน พร้อมการประมวลผลระดับองค์กร การรักษาความปลอดภัยระดับพรีเมียม ความสามารถในการจัดการที่ทันสมัย และความเสถียรด้านการจัดการสำหรับธุรกิจทุกขนาด ซึ่งในขณะนี้รองรับระบบปฏิบัติการ Chrome กับ Intel vPro® Enterprise for Chrome เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
• Intel vPro an Intel Evo Design รวบรวมประโยชน์ต่างๆ ของ Evo และ vPro ไว้ด้วยกันสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์พกพาระดับมืออาชีพที่ต้องการประสบการณ์ที่เหนือชั้นไปอีกขั้น
• Intel vPro Essentials ตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลพื้นฐานของธุรกิจขนาดเล็กด้วยคุณสมบัติและประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยในตัว รวมถึงคุณสมบัติการจัดการพีซีขั้นพื้นฐาน