ภาคีสุขภาพ สสส. ลุ้นปลดล๊อค เก็บภาษีย้อนหลัง หวัง “บิ๊กฉัตร” ช่วยเคลียร์ปม สร้างความชัดเจน ปลุกขวัญกำลังใจคนทำงานภาคสังคม
จากกรณี “บิ๊กฉัตร” พลเอกฉัตรชัย สาลิกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) มีดำริให้กรมสรรพากรชะลอเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ภาคีสุขภาพไม่เป็นธรรม ขัดต่อการขับเคลื่อนสุขภาพที่ดีของชุมชน พร้อมสั่งผู้จัดการ สสส.หารือ สตง.หาทางออกในเรื่องนี้โดยเร็วนั้น
นางสาวมานิดา โศภิษฐพงษ์ ผู้จัดการโครงการพัฒนาศักยภาพคนพิการด้านดนตรี กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีที่พอจะทำให้คนทำงานภาคสังคมใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง สองปีที่ผ่านมาเหมือนเป็นช่วงฝันร้าย ถูกหนังสือจากสรรพากรพื้นที่ให้เข้าพบ เพื่อเสียภาษีย้อนหลัง ถูกตีความให้เป็นลักษณะสัญญาจ้างทำของ และต้องติดอากรแสตมป์ เป็นใครก็ต้องตกใจเพราะเชื่อมั่นมาตลอดว่าหักภาษีส่วนของเงินเดือนคนทำงาน ณ ที่จ่ายเราทำถูกต้อง อยู่ๆ กลับถูกบอกว่าไม่ใช่ เงินทั้งก้อนของโครงการที่รับมาต้องเสียภาษีทั้งหมด ทำให้กลายสภาพเป็นพวกทำผิดกฎหมาย พวกเลี่ยงภาษี ทั้งที่เราคือคนทำงานแบบไม่แสวงหากำไร
“อยากให้เกิดความชัดเจน นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นจริงเท่านั้นจึงคลี่คลายสถานการณ์ได้ เพราะเท่าที่รู้มาตอนนี้ก็มีหนังสือจากสรรพากรพื้นที่ ยังส่งถึงคนทำงานไม่หยุดหย่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าพบตัวแทนของกรมสรรพากร ได้มีโอกาสชี้แจงถึงลักษณะการทำงานโครงการ ในลักษณะสัญญาตัวแทน ได้อธิบายเหตุผล และความเดือดร้อนที่ได้รับ ก็เห็นได้ชัดว่าสามารถสร้างความเข้าใจให้กับผู้แทนสรรพากรมากขึ้น อีกทั้งท่วงทำนองของผู้แทนกรมสรรพากร ก็มีท่าทีไปในทางที่ดี ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้เข้าใจกันมากขึ้นและเชื่อว่า ปัญหานี้จะยุติโดยเร็ว” นางสาวมานิดา กล่าว
นางสาวพิมลสุดา ปัญญารังษี เครือข่ายแรงงานนอกระบบ กล่าวว่า โครงการของตนรับการสนับสนุนจาก สสส. ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีอยู่จำนวนมากในประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลมีกฎหมาย มีนโยบายดีที่ออกมารองรับคนกลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งเราเป็นส่วนหนึ่งช่วยผลักดันทำงานร่วมกับภาครัฐ แต่ที่ผ่านมากลับถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษี ด้วยการตีความที่แตกต่างกัน ยืนยันว่า เราไม่ได้หลบเลี่ยงภาษี แต่รับไม่ได้หากจะให้เสียภาษีจากเงินที่ได้รับในโครงการทั้งหมด ต้องย้ำว่าเราได้ไม่มีกำไร เงินที่เหลือจากโครงการก็ต้องคืน สสส. ทั้งหมด มิใช่แปลงไปเป็นกำไร ต้องทำภายใต้ข้อกำหนดที่ สสส.ออกระเบียบไว้ ทั้งการเปิดสมุดบัญชีธนาคารเป็นชื่อโครงการ การจ่ายเงินทำกิจกรรมก็ต้องไม่เกินวงเงินที่ สสส.กำหนด ฉะนั้นเงินตามโครงการต่างๆยังเป็นเงิน สสส. จึงไม่ใช้เป็นการจัดซื้อจัดจ้างแน่นอน
“มันบั่นทอนกำลังใจคนทำงานที่คลุกคลีอยู่กับชาวบ้านอย่างมาก หลายคนเริ่มท้อเพราะถ้าโดนเก็บภาษีแบบนี้จริงคงล้มละลายเพราะไม่มีจะจ่ายอยู่แล้ว แต่พอเห็นข่าวท่าที่รองนายกรัฐมนตรี พลเอกฉัตรชัย สาลิกัลยะ ให้สัมภาษณ์เชิงเข้าใจภาคีเข้าใจงาน สสส. มากขึ้น ก็รู้สึกดีใจและมีความหวังมากขึ้น ส่วนสรรพากรและสตง. จะว่าอย่างไรนั้นก็ต้องรอดูท่าทีกันต่อไป แต่ยังหวังว่าผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่จะเข้าใจปัญหานี้มากกว่าคนเก่า เพราะในช่วงที่ผ่านมาสมัยท่านเป็นรองผู้ว่า สตง.ท่านเป็นคนเดียวที่เปิดห้องรับฟังพวกเราคนทำงานและชาวบ้าน ฟังข้อเท็จจริงจากภาคีแบบกัลยาณมิตร ไม่มี่ท่วงทำนองแบบฝ่ายตรงข้าม ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น” นางสาวพิมลสุดากล่าว