ภาคีสุขภาพ สสส. ลุ้นปลดล๊อค เก็บภาษีย้อนหลัง

39

ภาคีสุขภาพ สสส. ลุ้นปลดล๊อค เก็บภาษีย้อนหลัง หวัง “บิ๊กฉัตร” ช่วยเคลียร์ปม สร้างความชัดเจน ปลุกขวัญกำลังใจคนทำงานภาคสังคม

จากกรณี “บิ๊กฉัตร” พลเอกฉัตรชัย  สาลิกัลยะ  รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) มีดำริให้กรมสรรพากรชะลอเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ภาคีสุขภาพไม่เป็นธรรม ขัดต่อการขับเคลื่อนสุขภาพที่ดีของชุมชน พร้อมสั่งผู้จัดการ สสส.หารือ สตง.หาทางออกในเรื่องนี้โดยเร็วนั้น

นางสาวมานิดา  โศภิษฐพงษ์  ผู้จัดการโครงการพัฒนาศักยภาพคนพิการด้านดนตรี  กล่าวว่า  ถือเป็นข่าวดีที่พอจะทำให้คนทำงานภาคสังคมใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง สองปีที่ผ่านมาเหมือนเป็นช่วงฝันร้าย  ถูกหนังสือจากสรรพากรพื้นที่ให้เข้าพบ เพื่อเสียภาษีย้อนหลัง ถูกตีความให้เป็นลักษณะสัญญาจ้างทำของ  และต้องติดอากรแสตมป์ เป็นใครก็ต้องตกใจเพราะเชื่อมั่นมาตลอดว่าหักภาษีส่วนของเงินเดือนคนทำงาน ณ ที่จ่ายเราทำถูกต้อง อยู่ๆ กลับถูกบอกว่าไม่ใช่  เงินทั้งก้อนของโครงการที่รับมาต้องเสียภาษีทั้งหมด ทำให้กลายสภาพเป็นพวกทำผิดกฎหมาย พวกเลี่ยงภาษี ทั้งที่เราคือคนทำงานแบบไม่แสวงหากำไร

“อยากให้เกิดความชัดเจน  นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นจริงเท่านั้นจึงคลี่คลายสถานการณ์ได้  เพราะเท่าที่รู้มาตอนนี้ก็มีหนังสือจากสรรพากรพื้นที่  ยังส่งถึงคนทำงานไม่หยุดหย่อน  ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าพบตัวแทนของกรมสรรพากร  ได้มีโอกาสชี้แจงถึงลักษณะการทำงานโครงการ ในลักษณะสัญญาตัวแทน ได้อธิบายเหตุผล และความเดือดร้อนที่ได้รับ ก็เห็นได้ชัดว่าสามารถสร้างความเข้าใจให้กับผู้แทนสรรพากรมากขึ้น อีกทั้งท่วงทำนองของผู้แทนกรมสรรพากร ก็มีท่าทีไปในทางที่ดี ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้เข้าใจกันมากขึ้นและเชื่อว่า ปัญหานี้จะยุติโดยเร็ว” นางสาวมานิดา  กล่าว

นางสาวพิมลสุดา  ปัญญารังษี  เครือข่ายแรงงานนอกระบบ กล่าวว่า โครงการของตนรับการสนับสนุนจาก สสส. ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีอยู่จำนวนมากในประเทศ  ที่ผ่านมารัฐบาลมีกฎหมาย มีนโยบายดีที่ออกมารองรับคนกลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งเราเป็นส่วนหนึ่งช่วยผลักดันทำงานร่วมกับภาครัฐ แต่ที่ผ่านมากลับถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษี ด้วยการตีความที่แตกต่างกัน  ยืนยันว่า เราไม่ได้หลบเลี่ยงภาษี แต่รับไม่ได้หากจะให้เสียภาษีจากเงินที่ได้รับในโครงการทั้งหมด ต้องย้ำว่าเราได้ไม่มีกำไร เงินที่เหลือจากโครงการก็ต้องคืน สสส. ทั้งหมด มิใช่แปลงไปเป็นกำไร  ต้องทำภายใต้ข้อกำหนดที่ สสส.ออกระเบียบไว้ ทั้งการเปิดสมุดบัญชีธนาคารเป็นชื่อโครงการ การจ่ายเงินทำกิจกรรมก็ต้องไม่เกินวงเงินที่ สสส.กำหนด ฉะนั้นเงินตามโครงการต่างๆยังเป็นเงิน สสส. จึงไม่ใช้เป็นการจัดซื้อจัดจ้างแน่นอน

“มันบั่นทอนกำลังใจคนทำงานที่คลุกคลีอยู่กับชาวบ้านอย่างมาก  หลายคนเริ่มท้อเพราะถ้าโดนเก็บภาษีแบบนี้จริงคงล้มละลายเพราะไม่มีจะจ่ายอยู่แล้ว  แต่พอเห็นข่าวท่าที่รองนายกรัฐมนตรี พลเอกฉัตรชัย  สาลิกัลยะ  ให้สัมภาษณ์เชิงเข้าใจภาคีเข้าใจงาน สสส. มากขึ้น ก็รู้สึกดีใจและมีความหวังมากขึ้น ส่วนสรรพากรและสตง. จะว่าอย่างไรนั้นก็ต้องรอดูท่าทีกันต่อไป  แต่ยังหวังว่าผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคนใหม่จะเข้าใจปัญหานี้มากกว่าคนเก่า   เพราะในช่วงที่ผ่านมาสมัยท่านเป็นรองผู้ว่า สตง.ท่านเป็นคนเดียวที่เปิดห้องรับฟังพวกเราคนทำงานและชาวบ้าน  ฟังข้อเท็จจริงจากภาคีแบบกัลยาณมิตร  ไม่มี่ท่วงทำนองแบบฝ่ายตรงข้าม ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น” นางสาวพิมลสุดากล่าว