คาโอ เผยวิถี “Kirei” ร้างโลกที่สมบูรณ์อย่างยั่งยืน ชูวิสัยทัศน์ปี 2568 มุ่งเน้นสู่ความยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ ESG ยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืน กับ 5 โครงการ ESG
บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตสินค้าเพื่ออุปโภคและธุรกิจเคมีภัณฑ์ชั้นนำ ประกาศ rebranding ครั้งใหญ่! ชูแนวคิด “Kirei—Making Life Beautiful” สร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อชีวิตที่สวยงาม ด้วยนวัตกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์และตราสินค้าที่มีคุณค่า พร้อมเผยวิสัยทัศน์ปี 2568 มุ่งเน้นสู่ความยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ ESG ทั้ง 3 มิติได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดีและบริหารงานอย่างโปร่งใส (Environmental, Social and Governance) เพื่อให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนควบคู่ไปกับการสร้างสังคมที่ยั่งยืน
ยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป็นระยะเวลากว่า 58 ปีที่
คาโอ ประเทศไทย อยู่เคียงข้างเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย ด้วยผลิตภัณฑ์และตราสินค้าที่มีคุณค่ากว่า 10 แบรนด์ชั้นนำ อาทิ แอทแทค มาจิคลีน ไฮเตอร์ ลอรีเอะ เมอร์รี่ส์ เมะกุริธึ่ม แฟซ่า ลิเซ่ บิโอเร และคิวเรล นำเสนอสินค้าคุณภาพ เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้บริโภคตาม “วิถีทางของคาโอ
ล่าสุดคาโอได้มีการ rebranding ครั้งสำคัญ ภายใต้แนวคิด “Kirei—Making Life Beautiful” สร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อชีวิตที่สวยงาม สื่อถึงความมุ่งมั่นครั้งใหม่ในการสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนสำหรับทุกคน ผ่านแนวคิด “Kirei” เพื่อชีวิตที่สะอาดขึ้น สวยงามขึ้น และสุขภาพของผู้คนที่ดีขึ้น สังคมที่น่าอยู่ และโลกที่สดใส ด้วยนวัตกรรมที่มอบคุณค่าเคียงข้างผู้บริโภค และแนวคิดนี้ถูกนำไปปรับใช้ในทุกกระบวนการทำงานของ คาโอทั้งในปัจจุบันและอนาคต”
พร้อมกันนี้ได้ปรับโลโก้คาโอให้ทันสมัยก้าวสู่สากลและเต็มไปด้วยความหมาย ด้วยเส้นความโค้งซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของโลโก้ แสดงถึงทิวทัศน์ของขอบฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดและโลกใบนี้ องค์ประกอบของโลโก้ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของคาโอที่จะรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างผู้คน สังคม โลกในสถานการณ์ต่างๆ และมุ่งสร้างอนาคตที่สดใส ถึงแม้ว่าพระจันทร์จะไม่ได้เป็นส่วนประกอบหลักของโลโก้อีกต่อไป แต่ยังคงเป็นการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงปณิธานความตั้งมั่นของคาโอ
” นับตั้งแต่เริ่มสร้างสัญลักษณ์นี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1890 พระจันทร์คาโอมีการปรับเปลี่ยนพัฒนาไปหลากหลายรูปแบบ โดยยังคงอยู่เพื่อผู้คน สังคม และโลกใบนี้ คอยดูแลให้แสงสว่างนำทางแก่ชีวิตผู้คนอย่างอ่อนโยน พระจันทร์คาโอมาพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น สะท้อนความฝันที่ยิ่งใหญ่ของเรา”
กลยุทธ์ ESG เพื่อมุ่งเน้นสู่ความยั่งยืน
กลยุทธ์ ESG ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน พฤติกรรม และการดำเนินชีวิตแบบยั่งยืน เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของโลกได้มากยิ่งขึ้น เราเรียกสิ่งนี้ว่า “Kirei Lifestyle” (คิเรอิ ไลฟ์สไตล์) ซึ่งเป็นจุดยืนที่คาโอมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในระยะยาว และนี่คือเป้าหมายของคาโอในการเลือกทำในสิ่งถูกต้องมากกว่าทำในสิ่งที่ง่าย คาโอนำเสนอนวัตกรรมและความสร้างสรรค์เพื่อยกระดับวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยให้ใช้ชีวิตตามวิถี Kirei Lifestyle
ยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คาโอ ประเทศไทย ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม พร้อมพัฒนาชีวิตของ
คนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น ผ่าน 5 กิจกรรมเพื่อสังคม ได้แก่
1. ลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน โดยมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืนแก่ผู้บริโภค ลดการเกิดมลพิษต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคาโอตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซ CO2 (คาร์บอนไดออกไซด์) จนเป็นศูนย์ ภายในปี 2583 และคาร์บอนเป็นลบภายในปี 2593
2. ลดการเกิดขยะพลาสติก ทั้งนี้ปัจจุบันโรงงานผลิตของคาโอ ประเทศไทย บรรลุเป้าหมายการทำให้ขยะที่ไปฝังกลบ (Landfill) เป็นศูนย์ (Zero Waste) และสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2563
และเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยลดการสร้างขยะพลาสติก คาโอจึงตั้งเป้าหมายภายในปี 2568 บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของคาโอจะสามารถนำไปรีไซเคิล
ได้แบบ 100%
3. โครงการ “คาโอเคียงข้างคนไทย สะอาดมั่นใจ ยิ้มได้การ์ดไม่ตก” ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 คาโอได้บริจาคผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและสร้างสุขอนามัยรวมกว่า 7.36 ล้านบาท ให้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย มูลนิธิ องค์กรการกุศล รวมถึงสมาคมและชุมชนต่างๆ รวมกว่า 80 หน่วยงานทั่วประเทศ
4. โครงการ “จ้างวานคลีน จ้างวานข้า” คาโอให้การสนับสนุนโครงการจ้างวานข้า หนึ่งในโครงการที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมและคนไร้บ้านของ “มูลนิธิกระจกเงา” โดยมอบผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์มาจิคลีน แอทแทค ไฮเตอร์ ฯลฯ เพื่อสนับสนุนโครงการตลอดทั้งปี เป็นการติดอาวุธให้ทีมจ้างวานข้าใช้ทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะต่างๆ ในพื้นที่เขตกทม. รวมถึงการรับทำความสะอาดพื้นที่ส่วนบุคคลในกรณีที่มีการจ้างงาน
ซึ่งประชากรกลุ่มคนไร้บ้านถือเป็นกลุ่มเปราะบางทางสังคมและเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมไทยที่มีมายาวนาน เพื่อช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพให้กลุ่มคนไร้บ้านได้มีรายได้และยังช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของมูลนิธิกระจกเงาในการจ้างงานกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงสนับสนุนให้สังคมได้
ถูกแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
5. โครงการ “ร่วมแรงร่วมใจ ลดป่วย ลดกระจาย ลดภัยร้ายจากไข้เลือดออก” เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้เลือดออกในประเทศไทยมีมาอย่างยาวนาน มีอัตราการติดเชื้อเฉลี่ยปีละ 90,000 คน คาโอจึงได้ร่วมกับ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และกองโรคติดต่อนำโดยแมลง
โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินโครงการ “ร่วมแรงร่วมใจ ลดป่วย ลดกระจาย ลดภัยร้ายจากไข้เลือดออก” พื้นที่ตำบลหนองไม้แดง ตำบลดอนหัวฬ่อ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี จังหวัดชลบุรี รณรงค์ส่งเสริมให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการกำจัดลูกน้ำยุงลาย มุ่งสร้างระบบรายงานผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกผ่านทางฝ่ายทรัพยากรบุคคลของแต่ละบริษัท พร้อมตั้งเป้าหมายการลดจำนวนผู้ป่วยด้วยโรค
ไข้เลือดออกในพื้นที่นำร่องดังกล่าวให้เป็นศูนย์ ในปี 2567 โดยคาโอบริจาคผลิตภัณฑ์ บิโอเร การ์ด มอส บล็อก เซรั่ม เซรั่มกันยุง จำนวน 80,000 ชิ้น และบริจาคงบประมาณสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาโครงการฯ รวมมูลค่า 6,500,000 บาท แก่กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข (รวมมูลค่าผลิตภัณฑ์) อีกทั้งได้ให้การสนับสนุนการใช้งานแอปพลิเคชัน “รู้ทัน” พัฒนาโดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค-สวทช. ร่วมกับกรมควบคุมโรค สนับสนุนการนำนวัตกรรมมาสร้างความตระหนักรู้โรคไข้เลือดออก
ซึ่ง “รู้ทัน” เป็นแอปพลิเคชันสื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพ อัปเดตการแพร่ระบาดของไข้เลือดออก สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ดัชนีความร้อน และรายงานสรุปยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 เป็นต้น
“ด้วยวิถี “Kirei—Making Life Beautiful” จะมุ่งผลักดันให้คาโอ ประเทศไทย สร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อชีวิตที่สวยงาม แก่ผู้คน สิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม มีโลกที่สมบูรณ์อย่างยั่งยืนไปด้วยกัน” ยูจิ ชิมิซึ กล่าวทิ้งท้าย
ยูจิ ชิมิซึ ยังเผยอีกว่า ผลประกอบการและความสำเร็จในปี 2564 ของคาโอ ประเทศไทย คาโอ ประเทศไทย มียอดขายในปี พ.ศ. 2564 กว่า 13,307 ล้านบาท จาก 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจการดูแลสุขอนามัยและความเป็นอยู่ ธุรกิจการดูแลสุขภาพและความงาม ธุรกิจเครื่องสำอาง และกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใส่ใจในเรื่องการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยกันมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตแบบ “New Normal” เราจึงตั้งมั่นที่จะเป็นสินค้าคู่ครัวเรือน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนต่อไป