9 ที่เที่ยวกระบี่ เปิดมุมมองใหม่ ในเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก

333

ได้ชื่อว่า “เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก” ใครไปใครมาก็จะต้องตกหลุมรักจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีที่เที่ยวหลากหลายทั้งทางบกทางทะเล อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวมุมมองใหม่เกิดขึ้น ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งป่าเขาลำเนาไพร พร้อมด้วยท้องทะเลอันดามันที่สดใส ทำให้ไปกระบี่กี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ เชื่อหรือไม่เชื่อ ต้องลองไปสัมผัส

ล่าสุด “กระบี่” ยังคว้าอันดับหนึ่งเมืองที่ให้การต้อนรับนักเดินทางที่ดีที่สุดในประเทศไทย จากการประกาศรางวัล Booking.com Traveller Review Awards 2022 ผ่านการจัดอันดับจากรีวิวจริงของผู้เข้าพักกว่า 1.8 ล้านรีวิว นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ แล้ว รางวัลนี้ยังมาจากน้ำจิตน้ำใจของผู้คน ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้ไปเยือนกระบี่

นอกจากท้องทะเลอันดามันที่งดงามแล้ว กระบี่ยังมีที่เที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจอีกเพียบ และนี่คือ 8 ที่เที่ยวกระบี่ ซึ่งใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน ก็จะได้อิ่มเอมกับมุมมองใหม่ ๆ ที่ทำให้กระบี่มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม

1.แหล่งทอผ้าริมชายหาด ศูนย์ศิลปาชีพทุ่งทะเล

โครงการศิลปาชีพทุ่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกิดจากพระราชเสาวนีย์ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ตั้งขึ้นเพื่อฝึกสอนและส่งเสริมอาชีพให้แก่ราษฎร ด้านการทอผ้าฝ้ายเป็นรายได้เสริม เริ่มดำเนินการจัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพทุ่งทะเลมาตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2550  มีการอบรมสมาชิกมาแล้ว 6 รุ่น รวม 102 คน ปัจจุบันมีการทอผ้าทั้งที่ศูนย์ฯและที่บ้าน ประมาณ 25 คน มีทั้งผ้าที่ทอสำหรับศูนย์ศิลปาชีพ และผ้าทอทั่วไป เช่น ผ้าขาวม้า ที่ชาวบ้านรวมตัวกันเพื่อผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้ามาศึกษาดูงาน

สำหรับลวดลายผ้าทออันเป็นเอกลักษณ์ของศูนย์ศิลปาชีพทุ่งทะเล คือ “ลายเตยปาหนัน” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากลูกเตย จากต้นเตยป่าหนันที่ขึ้นอยู่มากในชุมชน แต่เดิมมีภูมิปัญญาการจักสานข้าวของเครื่องใช้จากเตยปาหนันอีกด้วย

ศูนย์ศิลปาชีพทุ่งทะเล ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนป่าริมทะเล ภายในมีศูนย์การเรียนรู้ด้านการทอผ้า ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ มีทัศนียภาพที่สวยงามเหมาะแก่การเที่ยวชม

ศูนย์ศิลปาชีพทุ่งทะเล

ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่

โทร.08 4846 7542

เปิดให้เข้าชมในวันและเวลาราชการ

2.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์ปู ป่าทุ่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พื้นที่กว่า 7 พันไร่ของป่าทุ่งทะเล แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ หากย้อนไปในอดีต ผืนป่าแห่งนี้เคยอยู่ในความสนใจของนายทุน แต่ด้วยการรวมตัวของชาวบ้าน ที่ต้องการรักษาผืนป่าไว้ให้ลูกหลาน ทางจังหวัดและชาวบ้านจึงร่วมกันการถวายพื้นที่ป่าแห่งนี้แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จนพื้นที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาเป็นโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้สัตว์ป่าและสัตว์น้ำ ตลอดจนรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศน์ของป่าทุ่งทะเล

ไม่ไกลจากศูนย์ศิลปาชีพ ยังเป็นที่ตั้งของ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์ปู ป่าทุ่งทะเล มีการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อการอนุรักษ์ ทั้งพันธุ์ปลาและปู เป็นอีกแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะกับการเที่ยวชมและศึกษาธรรมชาติ

มาแล้วก็จะได้พบกับการเพาะเลี้ยงปู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกปูตัวน้อย ๆ ที่แทบจะมองไม่เห็น เมื่อครบตามระยะเวลา ก็จะนำพันธุ์ปูเหล่านี้ออกสู่ท้องทะเล

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์ปู ป่าทุ่งทะเล

ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่

โทร. 08 6470 8910

3.ชมพระอาทิตย์ยามเย็น ณ ประภาคารเกาะลันตา  

เกาะลันตาได้ชื่อว่าเป็นอีกสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดินอันสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกได้ตามจุดต่าง ๆ ของเกาะ ที่พักทางด้านตะวันตกของเกาะ สามารถมองเห็นภาพพระอาทิตย์ตกน้ำได้อย่างเต็มตา

หากขับรถไปทางใต้สุดของเกาะ มีชายหาดและเนินเขาเล็ก ๆ ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเกาะลันตาที่นี่เรียกว่า “แหลมโตนด” เนื่องจากมีต้นตาลโตนดขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก เนินเขาเล็ก ๆ ที่แบ่งชายหาดเป็นสองฝั่ง เป็นที่ตั้งของ “ประภาคารเกาะลันตา” อันถือเป็นแลนด์มาร์คของเกาะลันตา ที่ใครไปใครมาก็อยากมาชื่นชมบรรยากาศพระอาทิตย์ลับฟ้าอันสวยงาม

ยามเย็นที่แหลมตะโหนดมีความเงียบสงบ เนื่องจากเป็นจุดสุดทางของเกาะ จึงไม่มีที่พักหรือร้านรวงใด ๆ ใครสนใจมาเข้าพักต้องติดต่อทางอุทยานฯ มาแล้วจะได้พบกับมุมมองแปลกตา จะมองจากผืนดิน หรือขึ้นไปอยู่บนเนินหน้าผา ก็ได้บรรยากาศแอดเวนเจอร์เล็ก ๆ ที่แสนประทับใจ ด้านบนมีป้อมปืนเก่าของทหารเรือ ด้วยทำเลอันกว้างใหญ่ จึงสามารถมาชมพระอาทิตย์ได้ทั้งยามเช้าและยามเย็น

การเดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ประภาคารเกาะลันตา จะต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากเส้นทางมีความลาดชัน รถที่ใช้ต้องมีสมรรนะที่ดีพอสมควร เช่นเดียวกับคนขับที่ต้องมีความเชี่ยวชาญในการขับรถบนทางลาดชัน โดยเฉพาะขากลับ หลังจากพระอาทิตย์ลับฟ้าแล้ว ทัศนวิสัยในการขับรถก็จะลดลงด้วยความมืด

4.อาบแสงเช้า เคล้าเสียงรับอรุณ ณ ทุ่งหยีเพ็ง

มาถึงเกาะลันตาทั้งที ต้องได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดี ๆ ที่ไม่เหมือนใคร เพราะนี่คือจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จักมากนัก ที่นี่คือ “ทุ่งหยีเพ็ง” ชุมชนมุสลิมที่อาศัยอยู่บนเกาะลันตามากว่า 100 ปี โดยคำว่า “ทุ่งหยีเพ็ง” มาจากผืนป่าชายทะเลอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งในอดีต “โต๊ะหยีเพ็ง”  หรือ “ปู่หยีเพ็ง” บรรพบุรุษของชาวบ้านได้เดินทางมาบุกเบิกอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ คำว่า “โต๊ะ” ในภาษาอิสลาม หมายถึง ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กับคนสูงวัย

บ้านทุ่งหยีเพ็ง ตั้งอยู่ริมทะเลชายฝั่งตะวันออกของเกาะลันตาใหญ่ อาชีพส่วนใหญ่คือการทำประมงพื้นบ้านและสวนยางพารา และมีลักษณะพิเศษคือ “เรือแจว” ซึ่งเดิมเคยใช้ในในการขนส่งสินค้าจำพวกไม้ คนท้องถิ่นเลยเรียกกันว่า “เรือทุกไม้” ซึ่งหมายถึง เรือบรรทุกไม้ แต่หลังจากที่เลิกตัดไม้ในป่าทุ่งหยีเพ็งไปแล้ว เรือเหล่านี้ก็นำมาเป็นเรือที่ใช้สัญจรในชีวิตประจำวัน จนดัดแปลงมาเป็นเรือนำเที่ยวในปัจจุบัน

ผืนป่าทุ่งหยีเพ็งมีราว 7 พันไร่ ถือเป็นป่าชายเลนขนาดใหญ่ มีพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์อันอุดมสมบูรณ์ สามารถเข้ามาเดินเล่นในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมป่าโกงกาง ลิง นกสายพันธ์ต่างๆ ปูก้ามดาบสีน้ำเงิน และปูอีกหลากหลายสายพันธุ์

การนั่งเรือแจวที่ทุ่งหยีเพ็ง สามารถทำได้ 3 ช่วงเวลาหลัก ๆ คือ ชมแสงแรกยามเช้า ล่องเรือตอนกลางวัน และช่วงแดดร่มลมตกในยามเย็น แต่ทริปซึ่งเป็นที่ถูกใจสายชิลล์ที่สุดคือล่องเรือแจวยามเช้า นั่นอาจเป็นเพราะบรรยากาศที่หาอื่นใดเปรียบเสมือน

ใครที่เลือกทริปล่องเรือแจวยามเช้า ต้องมาถึงบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 5.30 น. จากนั้นก็ลงเรือแจวซึ่งปัจจุบันหลงเหลือในพื้นที่แห่งนี้เพียง 7 ลำ โดยชาวบ้านในพื้นที่จะออกมาแจวเรือพาพวกเราออกไปล่องลำคลองป่าโกงกางขนาดใหญ่ ออกไปสู่แม่น้ำ ใช้เวลาไป-กลับราว 2 ชั่วโมงเรือหนึ่งลามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 4-5 คน มีคนแจวเรือ 1 คน เมื่อเรือเริ่มล่องผ่านความมืดออกไป แสงจากการปรับสายตาได้มองเห็นเพียงเงาของผืนป่าและผืนน้ำ  สัตว์ในป่าโกงกางส่งเสียงเป็นระยะ หากนิ่งเงียบจริง ๆ จะได้ยินกระทั่งเสียงพายกระทบน้ำ พร้อมเสียงลมที่แว่วมา เมื่อเรือล่องผ่านลำคลองออกไปแล้ว ด้านหน้าจะเห็นเวิ้งกว้างของปากอ่าว เมื่อพระอาทิตย์เริ่มสาดส่องมา ก็ถึงเวลาส่งเสียงปรบมือ ดังเวทีการแสดงแห่งวันได้เปิดฉากขึ้นแล้ว

เมื่อแสงตะวันเริ่มทำหน้าที่ คนแจวเรือก็เริ่มจัดแจงดัดแปลงโต๊ะเล็ก ๆ ภายในเรือเป็นพื้นที่อาหารเช้า วันนี้บริการด้วย “ข้าวเหนียวปลาแดดเดียว” อาหารท้องถิ่นเกาะลันตา เป็นข้าวเหนียวดำนึ่งมานุ่ม ๆ กินคู่กับปลากระบอกแดดเดียวทอดแห้ง ๆ  รสชาติเข้ากันสุด ๆ ตบด้วย “ข้าวเหนียวสังขหยา” และกาแฟร้อน ซึ่งทางเรือจะยกกระติกน้ำร้อนที่ต้มสุกแล้วลงมาในเรือด้วย

นั่งชมบรรยากาศ กินไป คุยกันไป ได้รสชาติยามเช้าที่แสนสุขใจ ขากลับก็ยังพบกับภาพแห่งธรรมชาติที่ชัดเจนขึ้น เมื่อถึงฝั่งก็ยังเดินชมบรรยากาศได้ต่อ เมื่อน้ำในป่าชายเลนแห้ง ก็จะเจอกับบรรดาปูตัวน้อยหลากสีสัน  จะแวะมาล่องเรือ ชมป่า หรือกินอาหารท้องถิ่นก็ติดต่อเข้ามาได้

บ้านทุ่งหยีเพ็ง

ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่

ติอต่อ นายนราธร หงส์ทอง ประธานชุมชนท่องเที่ยวบ้านทุ่งหยีเพ็ง โทร. 08 9590 9173​

5.ช้อปชื่นใจ หลากสไตล์สีสัน ลันตาบาติก

เกาะลันตา เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีผู้คนอยู่อาศัยมานานนับ 100 ปี พื้นที่ของเกาะลันตา ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่ ที่หลายคนรู้จักกันดี เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีที่พัก ร้านอาหาร และบริการต่าง ๆ มากมาย ส่วน เกาะลันตาน้อย เป็นแหล่งชุมชนของคนเกาะลันตาดั้งเดิม อาชีพส่วนใหญ่คือการทำประมง ทำสวน ทำนา

แม้ว่าเกาะลันตาน้อยจะไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก แต่ความน่ารักของชุมชนคนเกาะลันตาก็ชักชวนให้ทุกคนเข้ามาแวะชื่นชม หนึ่งในนั้นคือ “สายชลบาติก” ผู้ก่อตั้ง “กลุ่มลันตาบาติก”  ซึ่งมีคนรุ่นใหม่เชื้อสายเกาะลันตา ใช้ความรู้และประสบการณ์ในการต่อยอดผ้าบาติก ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวเกาะลันตา มาเป็นงานศิลปะบนผืนผ้า ที่สร้างมูลค่า สร้างอาชีพ พร้อมเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนบาติกของที่ไหน

“สายชล ละงู” เป็นเด็กเกาะลันตา เขาเกิดและเติบโตที่นี่ สมัยเด็ก ๆ พ่อแม่ก็อยากให้สายชลทำนาทำไร่เหมือนพ่อแม่ แต่ด้วยความสนใจในศิลปะการแพ้นท์ผ้าบาติก และตั้งใจศึกษา ฝีกฝน ต่อยอดลวดลายผ้าบาติกให้เป็นเอกลักษณ์ผสมผสานกันการมัดย้อม ไม่จำกัดรูปแบบอยู่แค่ลวดลายของท้องทะเล

สายชล ตั้งกลุ่มลันตาบาติก เมื่อปี 2545 โดยการชักชวนคนรุ่นใหม่ และคนสูงวัย มาร่วมทำผ้าบาติก ทั้งในส่วนของการตัดเย็บ ตลอดจนการออกแบบและเขียนลาย มีการถ่ายทอดไปยังผู้ที่สนใจแล้วกว่า 1,000 คน โดยตั้งเป้าว่า จะเป็นผ้าบาติกที่มีเอกลักษณ์ มีลวดลายเฉพาะตามจินตนาการของผู้เขียน เราจึงได้เห็นผ้าบาติกที่มีลวดลายไม่เหมือนใคร เช่น ผ้าบาติกลายตัวอักษรไทย ที่สายชลบอกว่าตั้งใจเป็นสื่อภาษาไทยให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว

นอกจากความคิดความอ่านแบบคนรุ่นใหม่ สายชลยังใช้โลกโซเชียลเป็นเครื่องมือสร้างการรับรู้ รวมทั้งการนำผ้าบาติกออกไปโชว์ตามชายหาดในเกาะลันตาใหญ่ รวมทั้งการออกบูธแสดงสินค้าตามงานต่าง ๆ ปัจจุบันสินค้าของลันตาบาติกได้รับความนิยมมาก แต่ละวันสมาชิกในกลุ่มราว 14 คน ต้องผลิตผ้าผืน (ผ้าชายหาดหรือผ้าเอนกประสงค์ขนาด 2 เมตร) อย่างน้อยวันละ 10 ผืน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการป้อนตลาด สนนราคาผืนละ 490 บาท ถือเป็นรายได้เสริม และสามารถทำเป็นงานประจำได้ แต่ปัจจุบันมีคนเขียนลายบาติกระดับฝีมือ หรือเรีกกว่า มีลายเซ็นของตัวเอง เพียง 3 คน จึงผลิตผลงานออกมาไม่ได้มากนัก

และนั่นคือจุดแข็งของลวดลายผ้าบาติกของที่นี่ ซึ่งสายชลบอกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกหรือหาคนที่สามารถเขียนลวดลายผ้าบาติกตามจินตนาการของตัวเองได้ กล่าวได้ว่า มีแค่ 1 ใน 100 เท่านั้นก็ว่าได้

สายชลบาติก ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่

ติดต่อ สายชล ละงู ประธานกลุ่มลันตาบาติกโทร. 09 2982 9704

6.เที่ยวกระบี่มิติใหม่ Krabi Wellness Sunset Cruise

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมากระบี่ มักจะคุ้นเคยกันดีกับการล่องทะเลกระบี่ด้วยเรือหางยาวหรือสปีดโบ๊ท มีเส้นทาง ให้เลือกแวะเที่ยวชมตามเกาะแก่งต่าง ๆ ทั้งแบบแวะชม หรือแวะพักค้างแรม

ล่าสุด กระบี่มุมมองใหม่ของการท่องเที่ยวทางเรือ นั่นคือ “Krabi Wellness Sunset Cruise” ซึ่งมาจากความตั้งใจของ ททท.สำนักงานกระบี่ ร่วมกับ อ่าวนาง ทราเวล แอนด์ ทัวร์  โรงแรมอ่าวนางปริ้นซ์วิลล์ รีสอร์ทแอนด์ สปา และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย  นำเสนอการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพผ่านเส้นทางล่องเรือสำราญ Aonang Princess 8 ชมกระบี่ ซันเซ็ทที่สวยงาม

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก กรรมการบริหาร บริษัท อ่าวนาง ทราเวล แอนด์ ทัวร์ และ โรงแรมอ่าวนางปริ้นซ์วิลล์ วิลล่า รีสอร์ทแอนด์ สปา เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการ Krabi Wellness Sunset Cruise มิติใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพผ่านเส้นทางล่องเรือหรูชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ด้วยเรือ Aonang Princess 8 เพื่อสัมผัสบรรยากาศความสวยงามของทะเลกระบี่ พร้อมกิจกรรมนวดเพื่อสุขภาพบนเรือ ผ่อนคลายด้วยดนตรี และอาหารเพื่อสุขภาพ ถือเป็นเอ็กซ์คลูซีฟทริป เพื่อต้อนรับการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง

เรือ Aonang princess8 เป็นเรือติดแอร์ขนาด 419 ที่นั่ง สำหรับกลุ่ม Meeting, งานเลี้ยงบริษัท, งานแต่งงาน, ประชุมสัมมนา, เดินทางท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ เป็นต้นสำหรับกิจกรรมเปิดตัวเรือ Aonang Princess 8 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยววีไอพีและสื่อมวลชนเข้าร่วม เริ่มต้นการล่องเรือจากท่าเทียบเรือหาดนพรัตน์ธารา ล่องเรือชมภูมิทัศน์อันสวยงามของทะเลกระบี่ ชมอ่าวไผ่ปล้อง อ่าวไร่เลย์ ถ้ำพระนาง เกาะไก่ เกาะปอดะ เกาะทับ ทะเลแหวก เกาะห้อง เกาะพีพี หาดไร่เลย์หรือหาดถ้ำพระนาง ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า พร้อมกิจกรรมเพิ่มเติมระหว่างล่องเรือ ด้วยบริการอาหารแบบ heavy cocktail reception บริการเครื่องดื่ม free flow soft drink ฟังเพลงเพราะๆจาก duo band และกิจกรรมนวดเพื่อสุขภาพบนเรือ ก่อนชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากับกระบี่ ซันเซ็ทที่สวยงาม

สอบถามรายละเอียดได้ที่

บริษัท อ่าวนางแทรเวล แอนด์ทัวร์ จำกัด

www.Aonangtravel.co.th

โทร 075-637152-3,089-874-8890,081-979-9055

7.ขึ้นเขาแบบเบา ๆ ชมทะเลหมอกกระบี่ ที่ ดินแดงดอย

กระบี่มีดีกว่าที่คิด นอกจากท้องทะเลแล้ว ยังมีจุดชมวิวมุมสูงบนเนินเขาอีกหลายแห่ง แต่ละที่ก็มีระดับความแอดเวนเจอร์มากน้อยแตกต่างกันไป สำหรับทริปชมแสงยามเช้า เคล้าทะเลหมอกท่ามกลางขุนเขาที่จังหวัดกระบี่ แนะนำที่ “ดินแดงดอย” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง

ลานจอดรถ ทางเดินขึ้นจุดชมวิวบนดินแดงดอย

อย่างน้อยก็ต้องตื่นมาเตรียมความพร้อมสักตีห้า เพื่อจะออกมาที่ดินแดงดอย เนินเขาเตี้ย ๆ ที่เป็นดินแดง หรือดินลูกรังสีแดง ใช้เวลาเดินขึ้นไป 15-20 นาที ตามกำลังแข้งขาของแต่ละคน ใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็จะรู้สึกสบาย ๆ ส่วนใครที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ก็จะเคลื่อนไหวกันช้าหน่อย แต่รับรองว่าไม่ต้องปีนป่ายให้ยากลำบากอะไรมากนัก เหนื่อยก็หยุดพักได้ แถมระยะทางเดินขึ้นก็ไม่ไกล กะประมาณที่ 300 เมตรแบบไต่เนินเขา

ด้านบนดินแดงดอยเป็นจุดชมวิวที่กว้างใหญ่ แม้จะไม่ครบ 360 องศา แต่ก็มองเห็นภาพบรรยากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่ส่วนไฮไลท์ในยามเช้าด้านทิศตะวันออกจะเห็นวิวมุมกว้างได้แจ่มชัดกว่า

เมื่อแสงแรกค่อย ๆ เผยโฉมออกมา จะมองเห็นผืนป่าและทิวเขากระจายตัวเป็นวงกว้าง หมอกยามเช้าปกคลุม หนาบางแล้วแต่กลไกของธรรมชาติ อากาศสบาย ๆ ไม่เย็นมาก (เดือนมีนาคม)

ด้านบนมีร้านอาหารให้บริการ มีอาหารเช้าอย่างง่าย พร้อมกาแฟและเครื่องดื่ม มีที่พักเล็ก ๆ ให้บริการ พร้อมลานกางเต้นท์

ดินแดงดอย

บ้านดินแดงน้อย ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่

ติดต่อเข้าชม ร้านอาหาร ลานกางเต็นท์ โทร. 09 2070 9538

8.พายคายัคไปชมต้นน้ำผุด ที่คลองหรูด

ชมพระอาทิตย์ยามเช้ากันแล้ว แนะนำไปต่อกันที่ “คลองหรูด” หรือ “คลองน้ำใส” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอ่าวนาง เดิมเป็นลำคลองที่ไหลจากต้นน้ำ ผ่านบึงขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ มีจุดเด่นของน้ำที่ใส เมื่อแดดทอแสงจะมองเห็นทะลุใต้ผืนน้ำ ซึ่งมีรากไม้กระจายตัวอยู่ และนั่นก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นความสนุกของการพายคายัคที่นี่

คันกันน้ำ ที่เด็ก ๆ มาเล่น “หรูด” หรือ “สไลเดอร์” แต่วันนี้อาจจะยังเช้า เลยยังไม่เห็นเด็ก ๆ มารวมตัวกัน

ชื่อของ “คลองหรูด” มาจากคำว่า “หรูด” ในภาษาใต้ ที่แปลว่า ลื่น ไถล เพราะมีการสร้างคันกั้นน้ำบริเวณบึงใหญ่ ก่อนจะไหลลงลำคลองไปสู่หมู่บ้าน คันกั้นน้ำที่ลาดเอียงและมีความลื่นจากตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่ เป็นสนามเด็กเล่นแบบบ้าน ๆ ที่ได้รับความนิยมในหมู่เด็ก ๆ มาเล่นหรูด หรือเล่นสไลเดอร์กันอย่างสนุกสนาน เป็นที่มาของชื่อ “คลองหรูด”

แม้จะเป็นน้ำนิ่งที่ไม่ต้องออกแรงพายมากเหมือนในทะเล แต่ช่วงที่ผ่านบึงน้ำขนาดใหญ่ เรือของเราอาจจะชนหรือติดกับตอไม้ใต้น้ำ บ้างก็ต้องติดแหงกจนต้องร้องขอให้เรือลำอื่น ๆ มาช่วยกันดึงดันให้หลุดออกจากตอ แต่ใครที่พายเรืออย่างชำนาญ หรืออาศัยคนพื้นที่พายให้ ก็หมดห่วงเรื่องนี้ไปได้

เมื่อผ่านบึงน้ำไปแล้ว เรือจะแหวกว่ายเข้าไปในป่าครึ้ม ก่อนจะไปทะลุลำคลองช่วงสั้น ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะกับการเล่นน้ำ จากนั้นก็พายต่อไปยังด้านใน ซึ่งเป็นต้นน้ำ มีตาน้ำผุดขึ้นตามธรรมชาติ หากแดดดี ๆ ก็จะมองเห็นสาหร่ายและต้นไม้ใต้น้ำสีเขียวสดได้อย่างชัดเจน ขากลับต้องออกทางเดิม แต่ระยะทางไม่ไกลมาก ไปกลับ 1-1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หากแวะเล่นน้ำก็จะนานกว่านั้น แต่บริเวณตาน้ำผุดห้ามลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาด

ที่คลองหรูดจะมีผู้ให้บริการเรือคายัคหลายเจ้า แต่ละแห่งมีบริการเสื้อชูชีพกับถุงกันน้ำ ช่างภาพสามารถนำกล้องลงไปถ่ายรูปได้ แต่ช่วงที่พาย หากพายเอง ระวังน้ำจะกระเด็นใส่กล้อง ระหว่างพายให้เก็บกล้องไว้ในถุงกันน้ำจะปลอดภัยกว่า โดยรวมเป็นเส้นทางพายคายัคที่ไม่ไกล ปลอดภัย ล่มได้ยาก นอกจากจะแกล้งกันเอง แต่ไม่ต้องห่วง เพราะน้ำไม่ลึก และมีชูชีพที่ต้องใส่ตลอดเส้นทาง

พายเรือคายัคที่คลองหรูด

บ้านแหลมสอม ตำบล หนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ กระบี่

ค่าเรือคายัครอบละ 300 บาท

แหลมสอมคายัค โทร.0854730073

บ้านหนองทะเล อีโคทัวร์ริสซึม 08 3641 0038

9.เลาะอุโมงโกงกาง ไป “คิดถึง” ที่เกาะกลาง

เกาะกลาง เกาะกลางน้ำ ในตัวเมืองกระบี่ ชาวเกาะกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ยังคงวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและงดงาม เราสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่เกาะกลางได้ไม่ยาก ด้วยการเหมาเรือจากฝั่ง เช่น บริเวณลานปูดำ ไปประมาณ 10 นาที

ก่อนที่จะถึงเกาะกลาง เราจะผ่านแนวป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์ สามารถเลือกระบุเส้นทางเรือให้แล่นผ่านลำคลองน้อย ๆ ในป่าโกงกาง เพื่อลอดอุโมงค์โกงกางระยะสั้น ก่อนจะเรือจะเทียบท่าของเกาะกลาง

บนเกาะกลางมีวิถีชุมชนให้เราได้เที่ยวชมมากมาย อาทิ กลุ่มการทำผ้าปาเต๊ะ   กลุ่มการต่อเรือหัวโทงจำลอง รวมทั้งชมแหล่งปลูกข้าวสังข์หยด ข้าวนาปีที่ปลูกกันปีละครั้ง มีรสชาดอร่อยกลมกล่อม เป็นข้าวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดกระบี่

อีกจุดเก๋ ๆ ที่น่าสนใจบนเกาะกลาง อยู่ที่ “คิดถึง คอทเทจ” โฮมสเตย์น่ารัก ๆ บรรยากาศสบาย ๆ  ใครที่ไม่ได้เข้าพัก ก็มีกิจกรรมให้ร่วมลงมือทำ เช่น การทำปอเปี๊ยะดอกไม้ เป็นดอกไม้ใบไม้ที่ปลูกเองในชุมชน นำมาจัดวางบนแผ่นปอเปี๊ยะขนาดใหญ่ ม้วนเข้ากับผักสดและเนื้อสัตว์ ม้วน ๆ แล้วตัดเป็นชิ้น กินกับน้ำจิ้มรสชาติหวานเผ็ดเล็กน้อย

ที่ “คิดถึงคอทเทจ” ยังมีกิจกรรม DIY ให้เลือกทำอีกหลายอย่าง พร้อมเมนูเครื่องดื่มคลายร้อนเสิร์ฟสำหรับคนที่มาเรียนรู้กิจกรรม DIY วันนี้เสิร์ฟน้ำตะลิงปลิงโซดา มีตะลิงปลิงอบแห้งเสียบไม้วางมาบนแก้ว เป็นตะลิงปลิงแช่อิ่มที่รสชาติหอมหวานกำลังดี

คิดถึงคอทเทจ เกาะกลาง จ.กระบี่

โทร.08 1494 7470

กินอะไรดีที่กระบี่  

แถมท้ายด้วยเรื่องของอาหารการกินที่กระบี่ ซึ่งมีของกินอร่อย ๆ ให้ลิ้มลองเพียบเลย ทริปนี้มีร้านแนะนำ เป็นร้านอาหารใต้ 2 สไตล์ ร้านแรกคือ “บ้านมะหญิง” บนเกาะกลาง ซึ่งมีสูตรอาหารท้องถิ่นอร่อย ๆ คอยเสิร์ฟนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะซีฟู้ดสด ๆ จากชุมชน และจากกระชังปลาของที่ร้านเอง ผ่านรสการปรุงแบบฉบับเกาะกลาง ภายใต้บรรยากาศริมน้ำที่โปร่งโล่งสบายมาก ๆ การันตีรสชาติจากลูกค้าที่เคยเข้ามาสัมผัส

ร้านมะหญิง เกาะกลาง อ.เมืองกระบี่

โทร.08 8801-8111

อีกร้านที่ได้แวะชิมในทริปนี้ คือ NHAM The Taste of Krabi ร้านอาหารพื้นบ้านภาคใต้ อยู่ในปั๊มบางจากตลาดเก่า (ก่อนถึงวัดควนสบาย) ตัวเมืองกระบี่ เป็นร้านที่อยู่ในปั๊มที่มีบรรยากาศสบาย ๆ กว้างขวาง สะอาด รสชาติดี

NHAM The Taste of Krabi

อ.เมืองกระบี่ โทร. 09 8017 0592

กระบี่พักไหนดี

Avani+Koh Lanta Krabi Resort

กระบี่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีที่พักให้เลือกหลากแบบหลายระดับราคา ทั้งในตัวเมือง ชุมชน ริมชายหาด หรือเกาะต่าง ๆ

ทริปนี้เรามีโอกาสเดินทางลงเกาะลันตา และเข้าพักที่ Avani+Koh Lanta Krabi Resort ซึ่งได้รับการรีโนเวทเมื่อปลายปีที่แล้ว ภายใต้การบริหารงานในเครือไมเนอร์

Avani+Koh Lanta Krabi Resor หาดคอกวาง เกาะลันตา มีห้องพักรวม 92 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสปา ร้านอาหาร บาร์ ห้องออกกำลังกาย 24 ชั่วโมง ห้องพักมีรูปแบบหลากหลาย อาทิ ทั้งโซนสระว่ายน้ำ และ Pool Villa เป็นอีกที่พักสวย บรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง

ทริปนี้เราได้เข้าพักในห้องแบบ Sea View Pool Villa นอกจากความกว้างขวางสะดวกสบายเป็นพิเศษแล้ว ยังพิเศษยิ่งกว่าเพราะด้านหลังห้อง เป็นรังของคู่รักนกเงือกเจ้าก๊อก-แก๊ก ขวัญใจชาว Avani+

อ่าวนาง ปริ้นซ์วิลล์ รีสอร์ท แอนด์ สปา

ที่พักใกล้หาดอ่าวนาง  อยู่ในย่านร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ห่างจากชายหาดเพียงถนนกั้น โรงแรมอ่าวนาง ปริ้นซ์วิลล์ รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นรีสอร์ทที่มีการออกเเบบโดยมีกลิ่นอายผสมผสานศิลปะภาคใต้เเละความบูทีคได้อย่างลงตัว บรรยากาศในรีสอร์ทร่มรื่นเขียวขจีด้วยพรรณไม้พื้นเมือง ด้วยห้องพักจำนวน 58 ห้อง มีแบบห้องพักต่าง ๆ ดังนี้ Deluxe Boutique, Deluxe Jacuzzi Pool, Deluxe Pool Access, Grand Deluxe Family, Duplex Suite, Pool Villa

ห้องพักบรรยากาศอบอุ่นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิมมี Wi-Fi ฟรีและทีวีระบบช่องสัญญาณดาวเทียม ห้องน้ำหินอ่อน มีอุปกรณ์ชงชาและกาแฟ บริการคาเฟ่และร้านอาหารฮาลาล สระว่ายน้ำกลางแจ้งสไตล์ลากูนพื้นที่อาบแดดและเดย์สปา ฯลฯ

สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวกระบี่

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่

โทร 075-622-163, 075-612-811-2

อีเมล tatkrabi@gmail.com