เถ้าแก่น้อยเปิดศักราช 2561 ย้ำความเป็นผู้นำตลาดสแน็คประเภทสาหร่ายในไทย และขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิดเทสตี้แอนด์เฮลท์ตี้ (Tasty & Healthy) ด้วยการทุ่มงบประมาณกว่า 40 ล้านบาท เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนล่าสุด “นิชคุณ หรเวชกุล” สมาชิกวง 2PM (ทูพีเอ็ม) และภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “หยิบคุณค่าจากทะเล” มั่นใจพรีเซนเตอร์คนใหม่จะสามารถครองใจผู้บริโภค และช่วยผลักดันยอดขายในประเทศ ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2560 ที่ผ่านมาแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในไทยสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดขนมขบเคี้ยว หรือสแน็คประเภทสาหร่ายมากถึง 72%
สำหรับในปี 2561 นี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกด้าน ทั้งด้านคุณภาพสินค้า ด้านรสชาติเพื่อให้ถูกปากผู้บริโภค และดีต่อสุขภาพ ภายใต้แนวคิดเทสตี้แอนด์เฮลท์ตี้ (Tasty & Healthy) รวมถึงการขยายฐานผู้บริโภคไปยังผู้ที่ชื่นชอบขนมขบเคี้ยว และต้องการขนมที่มีรสชาติอร่อย มีความเป็นธรรมชาติ และดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังได้ทุ่มงบประมาณการตลาดกว่า 40 ล้านบาท ดึง นิชคุณ หรเวชกุล หนุ่ม K-POP สายเลือดไทยจากวง 2PM (ทูพีเอ็ม) มาเป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด เนื่องจากภาพลักษณ์ของ นิชคุณ ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ จนได้มีโอกาสร่วมงานในฐานะศิลปินของวงเกาหลีอย่าง 2PM (ทูพีเอ็ม) และถือได้ว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ร่วมงานกับค่ายเพลงระดับโลกอย่าง JYP (เจวายพี) จนเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับแบรนด์ DNA ของสาหร่ายเถ้าแก่น้อยที่สร้างตลาดจนเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในตลาดสแน็คประเภทสาหร่ายในปัจจุบันและเป็นรู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “หยิบคุณค่าจากทะเล” โดยต้องการสื่อสารให้กับผู้บริโภครับรู้ถึงความอร่อยและมีประโยชน์ของสาหร่ายเถ้าแก่น้อยที่มีทั้ง วิตามินเอ, บี และไฟเบอร์ ภายใต้สโลแกนใหม่ “สาหร่ายเถ้าแก่น้อย อร่อยฟินๆ ได้คุณค่าจากสาหร่ายทะเล”
โดยในปีนี้ บริษัทฯได้เตรียมใช้กลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจรหรือ 360 องศา ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ (TVC) เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และสื่ออื่นๆ รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เข้าถึงและโดนใจกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังรุกตลาดไปยังต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน “เถ้าแก่น้อย” มีวางจำหน่ายแล้วกว่า 41 ประเทศทั่วโลก และกำลังจะขยายตลาดไปสู่ภาคพื้นยุโรปวันออก อาทิ รัสเซีย เอสโทเนีย ยูเครน โปแลนด์ เป็นต้น
ภาพรวมตลาดสแน็คในเมืองไทยปี 2560 ที่ผ่านมามีมูลค่ารวมกว่า 33,266 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 4.5 โดยสาหร่ายปรุงรสยังคงเป็นสแน็คที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยมีมูลค่าตลาดกว่า 2,882 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 9.4 โดยมีผู้นำตลาดคือเถ้าแก่น้อย มีส่วนแบ่งตลาดกว่าร้อยละ 72 ในปีที่ผ่านมา
“มั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งทางการตลาดของแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” จะสามารถสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้อย่างแน่นอน” นายอิทธิพัทธ์ กล่าวสรุป