หลีเป๊ะ Low Season ถึงไม่ปัง แต่ก็ยังเป๊ะอยู่

234

ฤดูกาลที่แตกต่าง เป็นอีกเหตุผลที่คนเราเลือกออกเดินทาง แม้ว่าไฮซีซั่นของแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่ง จะเผยโฉมสุดแจ่มของสถานที่นั้น แต่มันก็ไม่ใช่บทสรุปของทุกอย่างหรอกนะ

8 มิถุนายน ท่าเรือปากบารา สตูล

ท่าเรือปากบารา ในช่วงเข้าสู่โลซีซัน หรือกำลังเข้าช่วงมรสุมของทะเลใต้ เป็นต้นฤดูฝนที่เริ่มแสดงให้เห็นว่า ฤดูกาลมีผลมากต่อการตัดสินใจ ทั้งการตัดสินใจว่า “ไม่ไป” และ “ไป”

เราวางแผนเดินทางท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะเมื่อปลายพฤษภาคม โดยได้เลือกจองแพ็กเกจของ The Cliff Lipe ห้องแบบ Jacuzzi Panorama Ocean View โปรโมชั่น 16,990- (3 Days 2 Nights) ราคารวมค่ารถตู้ไป-กลับ สนามบินหาดใหญ่-ท่าเรือปากบารา  ค่าเรือสปีดโบ๊ท ปากบารา-หลีเป๊ะ รถรับส่งจากท่าเรือไปที่พัก ทริปดำน้ำ 5 จุด (จอยทริป) ดินเนอร์ 1 มื้อ

ส่วนอื่น ๆ ที่ระบุไว้อย่าง เวลคัมดริ๊ง ไวไฟ อาหารเช้า บริการคายัค-สน็อกเกิลดำน้ำหน้าที่พัก ฯลฯ ถือว่าเป็นพื้นฐานที่ลูกค้าที่เข้าพักทุกคนจะได้รับอยู่แล้ว

ทางโรงแรมระบุว่า เรือไปหลีเป๊ะจะมี 2 รอบ คือ 11.30 น. และ 13.30 น. เราเลือกเที่ยวแรก พอ 11.15 น. ก็มาถึง “บ้านปันทราเวล” บริษัทที่บริการเรือ ที่รับช่วงการดูแลจากโรงแรมอีกที หลังจากได้รับตั๋วแล้ว จะมีพนักงานพาไปส่งที่ท่าเรือ ต้องเสียค่าธรรมเนียมผ่านท่า 20 บาท ค่าเข้าอุทยาน (คนไทย) 40 บาท

แต่แปลกมากที่ป้ายเขียนตัว 20 ใหญ่เบิ้ม เหมือนขายผลไม้แล้วติดป้ายเรียกแขก สร้างความเข้าใจผิดให้นักเดินทาง กระทั่งน้องไกด์ฝึกงานที่เดินมาส่ง ยังบอกว่าพี่ต้องเสียค่าเข้า 20 บาท เพราะตัวเลข 20 ใหญ่เบิ้มนั้น ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร จะเท่าไหร่ คนที่จองเรือจองที่พักไว้แล้ว ก็ต้องจ่ายอยู่ดี

จ่ายคนละ 60 บาทแบบไม่ปลื้มป้ายไปแล้วก็เข้าสู่ท่าเรือ  ทุกคนจะมีตั๋วระบุคิวลงเรือ พนักงานก็เรียกให้ลงตามคิว พอลงไปแล้วเจอสภาพเรือสปีดโบ๊ทขนาดกลาง นั่งได้ประมาณ 40 คน แต่ตั๋วของเราหมายเลข 44  กระเป๋าเสื้อผ้าจะมีคนนำลงเรือให้ แต่ก็จะกองรวมอยู่ที่หัวเรือ ส่วนกระเป๋าส่วนตัวหรือของมีค่าต้องถือติดตัว

บรรยากาศที่เกาะตะรุเตา

ภายในเรือจะมีลูกค้าจากหลาย ๆ โรงแรมเดินทางรวมกัน วันนี้ถือว่าในเรือมีความหนาแน่นมากจนที่นั่งไม่พอ มีคนหนึ่งต้องนั่งบนถังหรือลังอะไรสักอย่าง เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยวันนี้เรือจะแวะให้เที่ยวชมเกาะตะรุเตา 10 นาที แต่จะไม่แวะเกาะไข่ คนเรือแจ้งว่าลมแรง

หาดพัทยา เกาะหลีเป๊ะ

เมื่อมาถึงเกาะหลีเป๊ะ ตอนบ่ายโมงกว่า  เรือจะจอดตรงหาดพัทยา ซึ่งวันนี้ดูเงียบเชียบ ร้านรวงหลายแห่งปิดให้บริการ ให้บรรยากาศของโลซีซั่นอย่างชัดเจน คนขับรถของแต่ละโรงแรมยืนชูป้ายรอรับ ก่อนจะช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถกระบะสองแถว และนำเราเข้าสู่ที่พัก The Cliff Lipe หาดซันเซ็ท ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

เมื่อไปถึงที่พัก ซึ่งคาดว่าในช่วงโลซีซั่นจะมีแขกน้อย บรรยากาศดูเงียบเหงา คนขับรถจะนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปส่งที่ห้องพัก ส่วนเราทำการเช็คอิน วันนี้เจ้าหน้าที่ให้เช็คอินในร้านอาหาร The Season ซึ่งมองเห็นเวิ้งทะเลกว้างไกล ต้อนรับด้วยน้ำผลไม้และปีโป้แช่ฟรีซ จากนั้นก็เข้าสู่ที่พัก

เดินลงบันไดจากร้านอาหาร จะเจอห้องพักแบบ Jacuzzi Panorama Ocean View ขนาด 60 ตารางเมตร ซึ่งปลีกวิเวกอยู่เพียง 1 ห้อง ด้านหน้าคือวิวทะเลกว้างใหญ่ มองไปทางซ้ายคือชายหาดเล็ก ๆ ของทางโรงแรม มีส่วนของที่พักบนเนินเขาเล็ก ๆ เรียงรายอยู่ไม่กี่ห้อง

ห้องพักซึ่งเป็นราคาที่ลดแล้วในช่วงโปรโมชั่น ในช่วงนี้หากซื้อแบบห้องพักอย่างเดียวราคาจะอยู่ที่ประมาณ 6,200+++ บาทต่อคืน (Agoda) ภายในห้องพักมีพื้นที่ไม่กว้างมาก เพราะแบ่งส่วนให้กับลานระเบียงที่มีทั้งโซฟากลม ชุดโต๊ะเก้าอี้ และอ่างจากุซซี่ มีผนังกำแพงไม้พร้อมประตูทางเข้า-ออก กั้นไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว

ภายในห้องมีความสะอาด ที่นอนหมอนม่านดูดีมีมาตรฐาน ห้องน้ำกว้างขวางแยกสัดส่วนแต่อาจจะมีกลิ่นบ้างเล็กน้อยซึ่งไม่แน่ใจว่ามาจากห้องน้ำในห้องพัก หรือห้องน้ำของส่วนร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับห้องพัก

วันแรกของการเข้าพัก เราให้เวลากับการดื่มด่ำบรรยากาศอย่างเต็มที่ เมื่อลงไปเดินเล่นริมชายหาด สามารถเบิกสน็อกเกิลและเสื้อชูชีพ ลงไปดำน้ำหน้าหาดได้เลย จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล 1 คน แต่วันนี้ไม่มีแขกลงมาชายหาดเลย เดาว่าห้องพักก็อาจจะไม่เต็ม ลงไปได้เพียงครู่เดียวก็กลับขึ้นฝั่ง เพราะคลื่นของเย็นวันนี้ค่อนข้างแรง

เย็นนี้เพลินกับการซุ่มดูน้องปูวิ่งเล่นบนโชดหินบริเวณชายหาด

ค่ำคืนแรกของหลีเป๊ะ จากที่แพลนไว้ว่าจะเข้าไปเที่ยวถนนคนเดินก็โดนทะเลสวย ๆ รั้งเอาไว้ แม้ว่าเมฆที่มากในช่วงนี้จะทำให้ภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกไม่อลังการเท่าไหร่ สำหรับใครที่อยากออกไปถนนคนเดิน ทางโรงแรมมีรถไปส่งตอน 5 โมงเย็น แต่ต้องกลับเอง นอกเวลานี้ต้องเรียกรถ ราคาคนละ 50 บาทต่อเที่ยว เตือนว่าอย่าเดินไปเด็ดขาด ทางลงเนินค่อนข้างชัน ระยะทางไกลจากชุมชน เปลี่ยว บางจุดมีหมาวนเวียนมองหน้าแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ ด้านหน้าโรงแรมมีร้านของชำ 1 ร้าน แต่ขายราคาเกาะ และไม่แตกต่างจากในโรงแรมเท่าไหร่

คืนนี้สั่งอาหารและเครื่องดื่มจากร้าน The Season มาเสิร์ฟหน้าห้อง ปกติครัวปิดตอนสองทุ่ม แต่วันนี้ คาดว่าแขกน้อย ตอนทุ่มครึ่งพนักงานโทรมาบอกว่าครัวจะปิดเร็วกว่าปกติและกำลังจะปิดแล้ว ไม่สามารถสั่งอาหารได้แล้ว ซึ่งจริง ๆ ตามมาตรฐาน น่าจะถาม Last Order ก่อนปิด อันนี้ถือเป็นจุดบกพร่องอย่างหนึ่ง

ตอนเช็คอินพนักงานแจ้งว่า ครัวปิด 2 ทุ่ม หากต้องการอะไรให้กดหมายเลข 111 หลังสองทุ่มให้กดเบอร์มือถือ ซึ่งมีเขียนไว้ในห้อง ตอนดินเนอร์คืนแรกหน้าห้องพัก จึงสั่งแค่น้ำแข็งและเครื่องดื่ม กะว่าต้องการอะไรเพิ่มก็น่าจะสามารถกดเบอร์มือถือที่ระบุว่าเป็น Night Reception แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สั่งอะไร เข้านอนไม่ดึกนัก เพราะพรุ่งนี้มีทริปดำน้ำ 5 จุดรออยู่

9 มิถุนายน ทัวร์ดำน้ำ 5 จุด

เช้าวันใหม่ทะเลหลีเป๊ะสดใสมาก หาดซันเซ็ทมีจุดเด่นตอนพระอาทิตย์ตก แต่ยามเช้าที่แสงนวล ๆ ก็สวยใช่เล่น แถมยังสงบเงียบมาก

8.00 น. รับประทานอาหารเช้า เป็นเมนูตามสั่ง เริ่มจาก American Breakfast ตระกูลไข่ ขนมปัง เบคอน ไส้กรอก เมนูไทยก็มีโจ๊กกุ้ง ไก่ ปลา  ติ่มซำสองสามรายการ เครื่องดื่มเป็นกาแฟสด น้ำเปล่า น้ำส้ม นอกนั้นก็มีผลไม้ โยเกิร์ต ที่พิเศษมาหน่อยคือข้าวยำ ลองสั่งมาเกือบทุกอย่าง ถือว่ากลาง ๆ ที่อร่อยคือโจ๊กปลากะพง

9.30 น. เรือมารับที่ชายหาดหน้าที่พัก (หากมีลมมรสุมจะต้องนั่งรถไปขึ้นอีกที่) ในเรือมีคนขับ และผู้จอยทริปอีก 3 ท่าน ซึ่งมาจากอีก 2 โรงแรม

ออกจากที่พักมุ่งหน้าสู่จุดแรก “ร่องน้ำจาบัง” จุดดำน้ำที่ได้ชื่อว่าสวยมาก มีปลาเยอะ แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้ ฤดูกาลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ไม่ทราบ นายท้ายเรือให้เวลา 15 นาที แต่ 10 นาทีเราทั้ง 5 คนก็ขึ้นเรือกันแล้ว

จุดที่ 2 “จุดดำน้ำเกาะหินงาม” ซึ่งอยู่ด้านหลังเกาะหินงาม บริเวณนี้น้ำทะเลสีสวยขึ้น ปะการังใต้น้ำสวยมาก แม้จะมีปลาไม่มากก็ตาม

จุดที่ 3 “เกาะหินงาม” เป็นการแวะเดินเล่นบนเกาะเล็ก ๆ ที่มีเนินชายหาดที่เต็มไปด้วยหิน หากโดนน้ำก็จะเปล่งสีดำขลับ

จุดที่ 4 “เกาะราวี” ถ้าเปรียบก็เหมือน “เกาะปอดะ” ของทางกระบี่ จะเป็นสถานที่แวะพักรับประทานอาหาร เล่นน้ำ คนเรือให้ใช้เวลา 1 ชั่วโมงบนเกาะแห่งนี้ มีข้าวกล่องให้คนละ 1 กล่อง พร้อมผลไม้ (แตงโม) อาหารในกล่องเป็นข้าวไข่ดาว ผัดเผ็ดไก่สับ หรือคั่วกลิ้งไก่สับ รสชาติกลาง ๆ แต่ให้มาน้อยไปหน่อย กินข้าวเสร็จก็เดินเล่น เล่นน้ำ หรือดำน้ำได้ บนเกาะมีของขาย โค้กกระป๋องละ 40 บาท นั่งไปสักพักเริ่มเห็นแนวฝนไกล ๆ ใกล้เวลากลับพอดี

จุดที่ 5 “เกาะอาดัง” ออกจากเกาะราวี ก่อนจะเข้าสู่หลีเป๊ะ ก็จะผ่านเกาะอาดัง ซึ่งมีจุดดำน้ำที่สวยมาก ส่วนตัวชอบบริเวณนี้มาก เพราะสวยทั้งปะการังหลากสี ปลาหลายชนิด ใต้น้ำยังมีส่วนของทรายขาวเป็นเวิ้งสลับแนวปะการังสวยงาม ที่สำคัญวันนี้ไม่มีใครแวะมาจุดนี้ในเวลาเดียวกันเลย หรืออาจจะหนีฝนกันไปแล้วก็ได้

ต่อไปนี้จะเป็นภาพจาก Be Nice Lipe Travel ถ่ายด้วยกล้อง GoPro โดยนายท้ายเรือผู้ดูแลเราตลอดทริป หลังจากกลับมากรุงเทพแล้ว ประมาณ 1 สัปดาห์ ทาง The Cliff Lipe เป็นผู้ดำเนินการจัดส่งมาให้ ต้องขอขอบคุณมาก

ตามที่คาดการณ์จริง ๆ หลังจากดำน้ำจุดที่ 5 เสร็จ ราวบ่ายสองกว่า ๆ สายฝนก็โปรยปรายตลอดเส้นทางกลับที่พัก เมื่ออาบน้ำเรียบร้อย ก็ได้เวลาพักสายตา

ราว 5 โมงเย็น หลังฝนหยุดตกแล้ว พนักงานร้านอาหารก็โทรมานัดแนะเรื่องดินเนอร์ โดยแจ้งว่าจะเสิร์ฟให้หน้าห้องพัก นัดเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ลุ้นพระอาทิตย์ตกกันอีกวัน แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้ก็ยังคงเมฆหนา

Dinner Set รวมอยู่ในแพ็กเกจ ออกสตาร์ทด้วย “สลัดกุ้งย่างและแตงโม” เมนูเรียกน้ำย่อยที่อร่อยใช้ได้เลย ตามมาด้วย “ซุปเห็ดเสิร์ฟพร้อมแป้งพายย่างกรอบ (Puff Pastry)” รสชาติค่อนข้างเข้มข้น เมนคอร์สวันนี้เสิร์ฟ “แซลมอนสเต็กพร้อมมันบด” เป็นอีกเมนูที่คิดว่ารสเข้มเหมือนเอาใจคนไทย ตามมาด้วยของหวาน “พานาคอตต้า”

เมนูของร้านอาหาร The Season มีให้เลือกไม่มากนัก เริ่มต้นที่ราคา 350 บาท ใช้ของคุณภาพดี และที่สำคัญคือวิวสุดแจ่มที่ทำให้หลายคนต้องดั้นด้นมาเช็คอิน แม้จะไม่เข้าพักที่นี่ก็ตาม

วันนี้แขกของทางโรงแรมมีน้อย เราจอยกับอาหาร ขณะที่แม่บ้านมาตีฟองในอ่างอยู่ข้าง ๆ อยู่นาน หันไปอีกที ฟองก็เต็มอ่างแล้ว นั่งไปสักพักจนลืมเวลา วันนี้ทางร้านอาหารไม่มีการโทรแจ้งเตือน เพราะคงเห็นว่ารับบริการดินเนอร์แล้ว แต่น้ำแข็งและเครื่องดื่มเราก็แยกสั่ง เพราะไม่ได้รวมในเซ็ท ราวสองทุ่มครึ่งจะสั่งน้ำแข็งและเครื่องดื่มเพิ่ม ก็เลยเวลาที่จะกดโทรเข้าร้านอาหาร เลยกดเบอร์ Night Reception ปลายสายบอกว่า ร้านอาหารปิดแล้ว เลยแจ้งว่าต้องการเพียงเครื่องดื่มและน้ำแข็ง พนักงานย้ำอีกว่าร้านอาหารปิดแล้ว  หากต้องการออกไปซื้อต้องเรียกรถมารับไปซื้อเอง อารมณ์ติดเกาะมาแล้ว แต่เขาก็พูดจาดีนะ เสียงอ่อนเสียงหวาน เหมือนไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน

ลานนั่งเล่นริมชายหาดซึ่งช่วงนี้ปิดให้บริการ

เลยเข้าใจว่า หน้าโลมันก็มีบางอย่างที่โลจริง ๆ นั่นแหละ แขกที่เข้าพักอาจจะน้อย แขกร้านอาหารก็ไม่มี พนักงานจึงปิดร้านเร็ว แต่สงสัยว่าโรงแรมระดับนี้น่าจะมีพนักงานคอยบริการ และตอนนั้นก็ยังไม่ถึงสามทุ่ม น่าจะมีวิธีการจัดการที่ดีกว่า ที่สำคัญคือไม่มีการโทรแจ้งเตือน อีกทั้งยังสังเกตว่าจานอาหารที่พนักงานมาเก็บ ก็จบที่เมนคอร์ส ส่วนจานของหวานถูกทิ้งไว้บนโต๊ะจนเช้าเลย

 

10 มิถุนายน สายฝนกระหน่ำ เข้าหน้า Low อย่างเป็นทางการแล้วกระมัง

โจ๊กท้องปลา

เช้าวันใหม่หลังฝนตกเกือบทั้งคืน ลานหน้าห้องกระจัดกระจายเพราะลมฝน 8.00 น. ออกไปทานอาหารเช้าตามเดิม วันนี้เลือกสั่งแบบเจาะจง โจ๊กปลาเพียงอย่างเดียว แต่ขอชามใหญ่เลย เพราะไม่สั่งอย่างอื่นแล้ว เมื่อมาเสิร์ฟก็เห็นหน้าตาเปลี่ยนไป จากเมื่อวานได้ชิ้นเนื้อปลากะพง วันนี้มาแค่ส่วนท้องล้วน ๆ แบบมีแต่หนังกับไขมัน ซึ่งปกติจะไม่กินปลาส่วนนี้ เพราะไม่ชอบรสชาติคาว ๆ ของมัน วันนี้ลองตักไปคำหนึ่งก็นั่งพะอืดพะอม ต้องรวบรวมความกล้าบอกพนักงานดี ๆ ว่า ไม่กินปลาส่วนนี้ ขอเป็นเนื้อปลาแบบเมื่อวานได้หรือไม่ พนักงานก็นำชามไปบอกในครัว และเปลี่ยนมาให้ใหม่

โจ๊กเนื้อปลา

เมื่อกลับมาเสิร์ฟอีกที ก็กะว่าจะกินให้สมอยาก แต่ไม่รู้เพราะอะไร รอบนี้ความคาวก็ตามมาด้วย จุดนี้เลยไม่ปลื้มกับมาตรฐานที่แตกต่างเพียงข้ามวัน

กลับมาพักที่ห้องอีกไม่นานก็ต้องเก็บข้าวของ เตรียมอำลาหลีเป๊ะ เรือเที่ยวแรกออก 11.30 น. ทางโรงแรมให้เช็คเอ้าท์ 10.30 น. ใครอยากใช้เวลาเต็มที่ถึงเที่ยงก็คงต้องเหมาเรือกลับเอง ซึ่งจะออกเวลาไหนก็ได้

มาถึงหาดพัทยา นั่งรอเรือออกอยู่นาน ขากลับคนไม่มากเท่าขามา ไม่แน่นเป็นปลากระป๋องแล้ว แต่ลมฝนก็โหมมาตลอดทาง

เป็นการจากลาที่ยังอยากกลับมาเสมอ แม้รอบนี้จะไม่ปัง แต่ไม่ถึงกับพัง เพราะหัวใจคือธรรมชาติที่มันก็ยังเป๊ะอยู่