CHIC ชูกลยุทธ์สร้าง New S Curves ใหม่ ลุยเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

14
กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ

CHIC เดินหน้ากลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วย New S Curve ใหม่ ขยายบริการ “Chic Design Studio” ออกแบบตกแต่งภายในและรับเหมาก่อสร้างครบวงจร เพิ่มช่องทางการให้บริการเช่าและรับจัดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์-ของตกแต่งบ้านโดย Stylist “Chic Rent In Style” ปั้มรายได้ต่อยอดธุรกิจหลัก เล็งทำเลคุณภาพขยายสาขาใหม่ ปรับปรุงพื้นที่ร้านค้าเช่า สร้าง Recurring Income เสริมศักยภาพการแข่งขัน พร้อมลุยนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ “CHIC” ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน ที่นอนและเครื่องนอนครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้แบรนด์หลัก “ชิค รีพับบลิค” (CHIC) และ “ริน่า เฮย์” (RINA HEY) และสินค้านำเข้าจากต่างประเทศภายใต้ แบรนด์ “แอชลีย์” (Ashley) เปิดเผยว่า ภาพรวมทิศทางธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดี ปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดประเทศ ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของภาคเอกชน ทั้งภาคการให้บริการ ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลดีต่อความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้น

แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วย New S Curve ใหม่ โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น ธุรกิจจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่ง 52% ธุรกิจงานโครงการ 44% ธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน 1% และธุรกิจให้บริการ 3%

จากการขยายบริการ ให้บริการออกแบบและตกแต่งภายในแบบครบวงจร รวมถึงจัดหาเฟอร์นิเจอร์พร้อมติดตั้งแบบติดผนัง (Built in) แบบลอยตัว (Loose Furniture) สำหรับงานโครงการ คอนโดมิเนียม บ้าน ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม ภายใต้ชื่อ “Chic Design Studio” อีกทั้ง เพิ่มช่องทางการให้บริการ “Chic Rent In Style” ธุรกิจให้เช่าและรับจัดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านโดย Stylist / Interior Designer แบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริษัทรับออกแบบและตกแต่ง นักออกแบบอิสระ เจ้าของบ้าน และบริษัทรับจัดงานต่าง ๆ ที่ต้องการเช่าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านเพื่อใช้จัดห้องตัวอย่าง งานโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ งานอีเวนท์ระยะสั้น เป็นต้น

สำหรับธุรกิจจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้าน เตรียมขยายสาขาใหม่ในพื้นที่หรือจังหวัดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างเทรนด์ให้ทันสมัย เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ควบคู่กับกลยุทธ์ O2O (Offline to Online และ Online to Offline) เพิ่มศักยภาพช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ เพื่อรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ธุรกิจจำหน่ายสินค้าเฟอร์นิเจอร์พร้อมติดตั้งสำหรับงานโครงการภายในประเทศ มีกระแสตอบรับที่ดีจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เตรียมเจาะกลุ่มลูกค้าโครงการแนวราบเพิ่ม เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โรงแรม และโรงพยาบาล สร้างยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นให้มากขึ้น

ในส่วนของธุรกิจการให้บริการพื้นที่เช่า บริษัทปรับกลยุทธ์ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเยี่ยมชมสินค้าหน้าร้านเตรียมปรับปรุงพื้นที่จัดวางสินค้าภายในสาขาบางสาขา เพิ่มพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้า ร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและส่งเสริมธุรกิจของบริษัทฯให้มากขึ้น สร้างรายได้จากการให้เช่าพื้นที่และค่าบริการ

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้การดำเนินงานบริษัทได้รับผลกระทบ ทำให้บริษัทเร่งปรับตัว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันพร้อมรับมือกับวิกฤติต่าง ๆ ในปัจจุบันได้ การปรับกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วย New S Curves ใหม่ เริ่มเห็นสัดส่วนรายได้ในแต่ละกลุ่มธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/65 และคาดว่าจะมีทิศทางเติบโตที่ดีต่อเนื่อง บริษัทจึงมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อรองรับแผนการลงทุนที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต” กิจจากล่าว

ทั้งนี้ บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังเสนอขาย IPO โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และจะทำการโรดโชว์ให้แก่ผู้ที่สนใจ นักลงทุนกลุ่มต่างๆ และประชาชนทั่วไป