เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ลิมิเต็ด เอดิชั่น จากโครงการเนสกาแฟ แพลน สู่คาเฟ่ฮอปเปอร์

67

เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อร่วมฉลองวันกาแฟสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เนสกาแฟ เชิญชวนคอกาแฟและเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์มาร่วมดื่มด่ำ “เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย” เมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100% ชั้นดี เพื่อฉลองวันกาแฟสากลในปีนี้ โดยวางจำหน่ายในแบบเมล็ดกาแฟและหลากหลายเมนูเครื่องดื่มพิเศษพร้อมเสิร์ฟที่เนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย เป็นผลิตภัณฑ์ลิมิเต็ด เอดิชั่นแห่งความภาคภูมิใจของเกษตรกรไทย และเป็นผลผลิตจากการทำงานที่ดีเยี่ยม ภายใต้โครงการด้านความยั่งยืนระดับโลก เนสกาแฟ แพลน ตลอดหลายทศวรรษ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ และสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนให้กับวงการกาแฟไทย โดยใช้ความเชี่ยวชาญ

วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า “เนสท์เล่มีคำมั่นสัญญาในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งหนึ่งในแผนงานที่เนสท์เล่ให้ความสำคัญก็คือ การส่งเสริมทฤษฎีเกษตรฟื้นฟู เพื่อปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ชุมชน และในโอกาสวันกาแฟสากลในปีนี้ เราได้จัดเตรียมเมล็ดกาแฟสุดพิเศษ “เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย” เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคของเรา”

โจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนสกาแฟเชื่อว่า ทุก ๆ คนในโลก คู่ควรกับการดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดี เพราะกาแฟแก้วเล็ก ๆ มีพลังมากกว่าที่เราคิด และมีบทบาทสำคัญทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะว่า ‘กาแฟทุกเมล็ดสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้’ เบื้องหลังความสำเร็จของกาแฟคุณภาพของเนสกาแฟมาจากความทุ่มเทของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ จึงเป็นที่มาของการฉลองวันกาแฟสากลในวันที่ 1 ตุลาคมเป็นประจำทุกปี หรือที่เราเรียกว่า ‘เนสกาแฟ เดย์’”

ในประเทศไทย โครงการเนสกาแฟ แพลนได้พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรและชุมชนผู้ปลูกกาแฟให้ดีขึ้นต่อเนื่องหลายทศวรรษ โดยได้มอบต้นกล้ากาแฟสายพันธุ์ดีให้กับเกษตรกร จัดการอบรมให้ความรู้ด้านเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู เพิ่มพูนทักษะด้านการเกษตรชั้นสูง เพื่อให้เกษตรกรและครอบครัวมีผลผลิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่ยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วิคเตอร์ เซียห์ (ที่ 2 จากซ้าย) โจโจ้ เดลา ครูซ (ที่ 2 จากขวา) เครือวัลย์ วรุณไพจิตร (ซ้าย) และ ทาธฤษ กุณาศล (ขวา)

ทาธฤษ กุณาศล ผู้จัดการฝ่ายบริการการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เชียงรายเป็นตัวอย่างที่ดีของโครงการเนสกาแฟ แพลน ที่เนสกาแฟได้เข้าไปส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนมาหลายทศวรรษ จนเป็นที่มาของการพัฒนา เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ที่ปลูก ณ ฟาร์มทดลองและสาธิตที่จังหวัดเชียงราย โดยเราได้แจกต้นกล้าของเมล็ดอาราบิก้าชั้นดี ตลอดจนจัดการฝึกอบรม รวมถึงให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรเพื่อให้มีผลผลิตที่ดีขึ้น”

เนสกาแฟได้พลิกฟื้นพื้นที่ปลูกฝิ่นให้กลายเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟคุณภาพ และสร้างความผูกพันและสำนึกรักษ์ป่า
เมื่อป่าเป็นพื้นที่สร้างอาชีพ คนก็จะดูแลรักษาป่า เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน พื้นที่บนเขาในเชียงรายส่วนใหญ่มีรายได้จากการปลูกฝิ่น จุดเริ่มต้นคือ การหาอาชีพที่จะทำให้เกษตรกรชาวเขามีรายได้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเนสท์เล่ได้สนองพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยการริเริ่มฟาร์มทดลองและสาธิตที่จังหวัดเชียงราย
ในปี 2528 นำเข้ากาแฟจากทั่วโลกมาทดลองปลูก และคัดเลือก 2 สายพันธุ์ที่ดีที่สุดมาเพาะเป็นต้นกล้าคุณภาพแจกจ่ายให้กับชาวเขา นำไปเพาะปลูกสร้างรายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น จนกลายเป็นหมู่บ้านผู้ปลูกกาแฟในปัจจุบัน

จากการทำงานช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทย ตลอดจนการฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ นำมาสู่ผลแห่งความสำเร็จในการเปิดตัว เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย เมล็ดกาแฟแบบเต็มเมล็ดลิมิเต็ดเอดิชั่น สายพันธุ์อาราบิก้า 100% ที่ผ่านกระบวนการผลิตต่าง ๆ ด้วยความรักและความตั้งใจในทุกขั้นตอน ส่งตรงจากเกษตรกรสู่คอกาแฟชาวไทย เพื่อฉลองแคมเปญ “NESCAFÉ Grow Together ปลูกอย่างยั่งยืน” ในวันกาแฟสากลปีนี้

เครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารและเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประจำภูมิภาคอินโดไชน่า กล่าวว่า “เนสท์เล่ โพรเฟสชันนัล เป็นกลุ่มธุรกิจด้านโซลูชันอาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้ประกอบการ เราได้ใช้ความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์เมนูกาแฟคุณภาพที่หลากหลายจากเมล็ดกาแฟ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย เพื่อให้คอกาแฟได้สัมผัสถึงกาแฟคุณภาพที่ทำด้วยความรัก ความตั้งใจ ตั้งแต่การปลูกและเก็บเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ไปจนถึงการคั่วโดยผู้เชี่ยวชาญจาก เนสกาแฟ และการชงจากบาริสต้ามืออาชีพของเราจนได้กาแฟคุณภาพที่ดีเยี่ยมในแต่ละแก้ว เรียกได้ว่า Handcrafted with Love ในทุกขั้นตอน”

สำหรับ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย มีความโดดเด่นทั้งรสชาติและสัมผัส ด้วยฟรุตตี้เทสต์โน้ตของ
เกรปฟรุต ซิตรัส และคาราเมล ที่ผ่านกระบวนการคั่วแบบอ่อนถึงกลาง ให้รสชาติที่บาลานซ์ ถือเป็นกาแฟในฝันสำหรับคอกาแฟที่กำลังมองหารสชาติที่ซับซ้อนและให้สัมผัสที่แปลกใหม่แต่รสชาติยังคงทานง่าย อร่อยกลมกล่อม
ลงตัว โดยมี 4 เมนูพิเศษที่ได้ผ่านการรังสรรค์และเอาใส่ใจจากบาริสต้า เพื่อส่งต่อรสชาติที่ดีเยี่ยมอย่างครบถ้วน ได้แก่

• Signature Hot Drip กาแฟดริปรสชาติละมุนด้วยการควบคุมอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมและเวลาในการดริปที่พอเหมาะทำให้กาแฟแก้วนี้สามารถโชว์คุณสมบัติของเมล็ดกาแฟอาราบิก้าชั้นดีออกมาได้อย่างชัดเจน
ทั้งความฉ่ำแบบฟรุตตี้ และความหอมอ่อน ๆ ตบท้ายของคาราเมลที่สายสเปเชียลตี้ห้ามพลาด

• Supreme Black อเมริกาโน่เย็นรสชาติพรีเมียมที่ดึงคุณสมบัติของเมล็ดกาแฟลิมิเต็ด เอดิชั่นนี้ ออกมา
ได้อย่างชัดเจน มีความลงตัวของซิตรัสเพื่อปลุกความสดชื่น และความหอมเข้มแต่มีกลิ่นอายของคาราเมลในตอนท้าย เชื่อว่าเป็นเมนูที่ถูกใจคอกาแฟดำอย่างแน่นอน

• Mellow White ลาเต้เย็นที่ถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อให้เข้ากับเมล็ดกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย ของเราโดยเสิร์ฟแบบเชคเย็นยกระดับความละมุนในรสชาติและมีความหอมหวานจากซอส brown sugar
แบบ homemade สูตรพิเศษที่ใครได้ลองแล้วต้องหลงรักอย่างแน่นอน

• Dirty เมนูไฮไลต์ที่ห้ามพลาด กาแฟนมที่ถูกเสิร์ฟแบบแยกชั้นกันอย่างชัดเจน ด้วยนมสูตรพิเศษที่ผ่านการควบคุมอุณหภูมิให้เย็นจัด และ Top up ด้วยช็อตกาแฟเข้มข้นที่เรียกว่า Ristretto ทำให้กาแฟแก้วนี้
กลมกล่อมอย่างมีเอกลักษณ์ เมื่อจิบไปเรื่อย ๆ จะได้รสสัมผัสและกลิ่นที่แตกต่างกันซึ่งถือเป็นเสน่ห์สุดพิเศษ

คาเฟ่ฮอปเปอร์สามารถดื่มด่ำ เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย กับ 4 เมนูเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ และแบบ
เมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วในราคา 490 บาทต่อถุง ที่เนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 หรือสามารถสั่งซื้อเมล็ดกาแฟในช่องทางออนไลน์ได้ที่ แพนด้ามาร์ท พิเศษในช่วงเปิดตัว ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น เชียงราย จะได้รับของที่ระลึก “ถุงปุ๋ยกากกาแฟ” ฟรี
จากชาวสวนกาแฟในจังหวัดเชียงรายในจำนวนจำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะหมด