กรมปศุสัตว์ เดินหน้าเป้าหมาย Zero ASF เตือนหมูเถื่อนลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายเป็นพาหะนำโรคระบาด เร่งปราบปรามเข้มงวด พร้อมปกป้องเกษตรกร สร้างความเป็นธรรมและความมั่นใจ ส่งเสริมผู้เลี้ยงกลับเข้าเลี้ยงใหม่โดยเร็ว
น.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การลักลอบนำเข้าสัตว์หรือชิ้นส่วนเนื้อสัตว์ เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เนื่องจากไทยมีพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 การนำเข้าสัตว์ ชิ้นส่วนหรือซากสัตว์ ต้องได้รับอุนญาต และต้องมีการตรวจโรคจากประเทศต้นทางและประเทศต้นทางต้องไม่มีโรคระบาด หากมีการลักลอบนำเข้าสัตว์หรือตัวสัตว์จะไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยหรือตรวจสอบโรคระบาดว่าปะปนมาด้วยหรือไม่
ก่อนหน้านี้ ไทยมีโรคระบาด ASF ซึ่งขณะนี้ไทยดำเนินงานจนดีขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ของโรคเบาบางลง และกำลังดำเนินการต่อเนื่องทำให้เป็น Zero ASF หรือ ASF เป็นศูนย์ ภายใต้มาตรการการป้องกันการลักลอบนำเข้าซึ่งเป็นพาหะของโรคทั้งเนื้อสัตว์และตัวสัตว์
“เราเคยมีประสบการณ์มาแล้ว กล่าวคือ ในระหว่างประเทศอื่นๆ มีโรคระบาดสัตว์ปริมาณของสัตว์ชนิดนั้นจะลดลง การที่จะฟื้นกลับคืนมาใหม่ต้องใช้เวลา และต้องฟื้นฟูให้เกษตรกรกลับมามีอาชีพเลี้ยงสัตว์นั้นได้และอยู่ได้” น.สพ.สมชวน กล่าว
น.สพ.สมชวน กล่าวว่า การทำให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงสัตว์ต่อเนื่อง ต้องประคับประคองดูแลไม่ให้โรคระบาดกลับมาซ้ำได้ หากยังมีชื้นส่วนสุกรหรือตัวสัตว์ที่มีโรคเข้ามา เป้าหมายที่ ASF จะเป็นศูนย์เป็นไปได้ยาก รวมถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรยังบอบช้ำ อยู่ระหว่างฟื้นฟู หากมีการลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เปิดตลาด ไม่ได้รับอนุญาต จะยิ่งมาทำร้ายเกษตรกร เกษตรกรที่จะนำหมูเข้าเลี้ยงใหม่ต้องลงทุนสูง มีความเสี่ยงและท้อแท้จนไม่อยากกลับเข้ามาเลี้ยง เพราะมีการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนสุกรราคาถูกมาแย่งตลาดจะทำให้เกษตรกรล้มเลิกอาชีพหายไป และการกลับมาเลี้ยงใหม่ทำได้ยาก ซึ่งมีตัวอย่างในต่างประเทศมาแล้ว
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรกลุ่มต่างๆ ในการหาแนวทางส่งเสริมให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงใหม่โดยเร็ว ควบคู่กับมาตรการปราบปรามและมาตรการป้องกันโรคดูแลความปลอดภัยที่เข้มงวดและเป็นธรรม จะทำให้อีกไม่นานเกษตรกรก็จะกลับมาลงทุน