โอเดอมาร์ ปิเกต์ (AUDEMARS PIGUET) สุดยอดแบรนด์เครื่องบอกเวลาเหนือระดับจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผยโฉมคอลเลคชั่นล่าสุด “AUDEMARS PIGUET 2018 SIHH NOVELTIES” กับ 4 ไฮไลท์ คอลเลคชั่นส่งตรงจากงาน ซาลอง อินเตอร์เนชั่นแนล เดอ ลา โอต ออร์โลเฌรี 2018 หรือ SIHH 2018 ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งไลฟ์สไตล์ไอคอนที่เปี่ยมด้วยความคลาสสิค แต่เรียบหรูในแบบฉบับโอเดอมาร์ ปิเกต์ที่คุณห้ามพลาด
รอยัล โอ๊ค คอนเซ็ปต์ ฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง(ROYAL OAK CONCEPT FLYING TOURBILLON)
เพราะความงามของเรือนเวลาสุภาพสตรี ไม่ควรถูกจำกัดแค่ขนาดที่กะทัดรัด หรือ การประดับด้วยเพชรเม็ดงามน้อยชิ้นเท่านั้น โอเดอมาร์ ปิเกต์ จึงรังสรรค์ชิ้นงานสุดพิเศษที่ผสานศาสตร์แห่งเครื่องบอกเวลาชั้นสูงและหัตถศิลป์ของอัญมณีอันวิจิตรไว้ในหนึ่งเดียว กับ รอยัล โอ๊ค คอนเซ็ปต์ ฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง รหัสแห่งความงามร่วมสมัยล่าสุดที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับแบรนด์ถึง 2 ต่อ ทั้งในฐานะ รอยัล โอ๊ค คอนเซ็ปต์ เรือนแรกสำหรับสุภาพสตรี และ ฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง เรือนแรกของโอเดอมาร์ ปิเกต์ โดดเด่นด้วยหน้าปัดสเกเลตันประดับเพชรที่ออกแบบขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อสื่อถึงฤดูหนาวอันงดงามแห่ง วัลเลย์ เดอ ฌูซ์ (Vallée de Joux) ทั้งยังซุกซ่อนความซับซ้อนของกลไก
ไขลาน ฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง คาลิเบอร์ 2951 ได้อย่างไร้ที่ติ สำรองพลังงานนาน 72 ชั่วโมง มาบนตัวเรือนไวท์โกลด์
18 กะรัต มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น; ประดับเพชรบริลเลียนต์คัต 459 เม็ด (26227BC.ZZ.D011CR.01) หรือประดับเพชรบาเก็ตต์คัต 200 เม็ด (26228BC.ZZ.D011CR.01) จับคู่สายหนังจระเข้สีขาว กันน้ำลึกได้ 20 เมตร
รอยัล โอ๊ค ดับเบิล บาลานซ์ วีล โอเพ่นเวิร์ค(ROYAL OAK DOUBLE BALANCE WHEEL OPENWORKED)
สุนทรียศาสตร์แห่งความงามที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะอันเที่ยงตรงของกลไกคือคำจำกัดความอันน่าพิสมัยของเรือนเวลาอย่าง รอยัล โอ๊ค ดับเบิล บาลานซ์ วีล โอเพ่นเวิร์ค เพราะหลังเปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาไปเมื่อปี 2016 กับตัวเรือนเอกลักษณ์ขนาด 41 มิลลิเมตร ในปีนี้ โอเดอมาร์ ปิเกต์ เลือกนำเสนอความปราดเปรียวครั้งใหม่บนตัวเรือนขนาด 37 มิลลิเมตร โดยคงหัวใจหลักอย่างกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 3132 ที่ผสานบาลานซ์ วีลและแฮร์สปริง 2 ชุด
บนแกนเดียวกันไว้อย่างครบครัน เมนเพลทและบริดจ์ รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตด้วยการทำมือทุกขั้นตอน โดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าปัดสเกเลตันสีโรเดียมที่ออกแบบให้รับกับความอ่อนหวานของอินเด็กซ์และเข็มบอกเวลาพิ้งค์โกลด์ได้อย่างลงตัว สำรองพลังงานนาน 45 ชั่วโมง กันน้ำลึกได้ 50 เมตร มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น; ตัวเรือนไวท์โกลด์ที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันด้วย “ฟลอเรนทีน เทคนิค” อันเลื่องชื่อ (15466BC.GG.1259BC.01) สนนราคา 2,624,600 บาท หรือ ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ (15467OR.OO.1256OR.01) สนนราคา 2,365,200 บาท มีจำหน่ายเฉพาะใน โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติคเท่านั้น
รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ (ROYAL OAK OFFSHORE)
หลังเปิดตัวเวอร์ชั่นแรกไปเมื่อปี 1993 ก็ถึงเวลาที่เรือนเวลาหนุ่มลุคสปอร์ตอย่าง รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ จะเติบโตไปอีกขั้น และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีในปี 2018 โอเดอมาร์ ปิเกต์ เตรียม 3 เวอร์ชั่นพิเศษมาให้เหล่าสุภาพบุรุษเพิ่มเข้าไปใน Wish List ตั้งแต่ต้นปี เริ่มต้นจาก รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ รุ่นบุกเบิก (Re-edition of the original Royal Oak Offshore) (26237ST.OO.1000ST.01) ที่ถูกนำมาสร้างความเจิดจรัสอีกครั้งบนตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 42 มิลลิเมตร มาพร้อมพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินลวดลายแบบเปอตีท์ ตาปิสเซอรี่ (Petite Tapisserie) และฝาหลังสลักตัวอักษร “Royal Oak Offshore” คงความคลาสสิคในแบบฉบับดั้งเดิมไว้อย่างครบครัน ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 3126/3840 พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟ สำรองพลังงานนาน 50 ชั่วโมง กันน้ำลึกได้ 100 เมตร สนนราคา 953,700 บาท
ต่อด้วยอีก 2 โมเดลที่ได้แรงบันดาลใจจากเรือนเวลารุ่นก่อนอย่าง Royal Oak Offshore Tourbillon Chronograph
มาพร้อมอัพเดทลุคที่ถูกตีความใหม่บนตัวเรือน
สเตนเลสสตีล (26421ST.OO.A002CA.01) หรือ พิ้งค์โกลด์ (26421OR.OO.A002CA.01) ขนาด 45 มิลลิเมตร ความท้าทายครั้งสำคัญในการฉีกกรอบขอบตัวเรือนทรง 8 เหลี่ยม
อันคุ้นเคยด้วยโครงสร้างดีไซน์หน้าปัดอันล้ำสมัย
มอบผลลัพธ์ที่แฝงด้วยความสนุกและน่าตื่นเต้นกว่าที่เคย ทั้งยังคงดีเอ็นเอของแบรนด์ไว้อย่างยอดเยี่ยม ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 2947
พร้อมฟังก์ชั่นตูร์บิญองและโครโนกราฟ สำรองพลังงานนานถึง 173 ชั่วโมง เม็ดมะยมและปุ่มจับเวลารังสรรค์จากแบล็กเซรามิก จับคู่สายยางสีดำ กันน้ำลึกได้ 100 เมตร ผลิตจำกัดเพียงสีละ 50 เรือน
มิเลนนารี (MILLENARY)
หลังเปิดตัวเวอร์ชั่นล่าสุดไปเมื่อปี 2015 ก็ถึงเวลานับถอยหลังสู่ความสง่างามครั้งใหม่กับ คอลเลคชั่น มิเลนนารี
ประจำปี 2018 เพราะนอกจากดีไซน์หน้าปัดทรงรีจะเป็นที่สะดุดตาเหล่าสุภาพสตรีมิเลนนารีแล้ว เรือนเวลาชิ้นเอกนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องการจัดวางแบบไล่ระดับที่เผยให้เห็น
ความล้ำค่าของทุกชิ้นส่วนจากภายในสู่ภายนอกอีกด้วย เริ่มต้นจากตัวเรือนไวท์โกลด์ (77247BC.ZZ.1272BC.01) หรือ พิ้งค์โกลด์ (77247OR.ZZ.1272OR.01) 18 กะรัต ประดับเพชรรอบขอบตัวเรือน ที่ในปีนี้ โอเดอมาร์ ปิเกต์ สร้างความตื่นเต้นด้วยการนำเสนอสายรัดข้อมือเวอร์ชั่นใหม่ รังสรรค์จากทองขัดเงา มอบวินเทจลุคที่น่าค้นหาทั้งยังเข้ากับดีไซน์เลขโรมันบนหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวได้เป็นอย่างดี นับเป็นการสานต่อสุนทรียศาสตร์อันอ่อนช้อยของสายนาฬิกาแบบเมลานีสอันโด่งดังในยุค 50s และ 60s สู่ผลลัพธ์ที่แสดงออกถึงความเชี่ยวชาญของแบรนด์ได้อย่างน่าประทับใจ โดยปรับเปลี่ยนวิถีการถักทอทองแบบทิศทางเดียวที่นิยมในยุคสมัยก่อนสู่การถักทอทองแบบสลับไปมารอบแกน นอกจากจะเพิ่มช่องว่างและความยืดหยุ่นของสายตาข่ายแล้ว ยังมอบสัมผัสที่บางเบาราวกับเส้นไหม โอบรับข้อมือของผู้สวมใส่ได้อย่างเหมาะเจาะ สนนราคา 1,621,300 บาท
ต่อด้วยอีกตัวแทนร่วมสมัยที่หลอมรวมหัตถ์ศิลป์ชั้นเลิศไว้ในหนึ่งเดียว กับครั้งแรกของการผสมผสานพื้นหน้าปัดโอปอลและ “ฟลอเรนทีน เทคนิค” ลงบนมิเลนนารีตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต เทคนิคเก่าแก่ที่นิยมใช้ในการออกแบบจิวเวลรีแบบดั้งเดิม โดยการตีเนื้อทองด้วยสลักหัวเพชรลงบนพื้นผิวของตัวเรือน อาทิ ขอบตัวเรือนด้านใน, ขานาฬิกา ที่ความถี่ 200 เฮิรตซ์ เพื่อให้เกิดรอยประทับขนาดเล็ก มอบประกายแสงระยิบระยับเสมือนประกายจากเพชรหรืออัญมณีล้ำค่า เพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเรือนด้วยเม็ดมะยมประดับอัญมณีคาโบชองโปร่งแสง จับคู่สายยางรัดข้อมือสีฟ้าคราม หรือเลือกเปลี่ยนสไตล์ได้ตามใจชอบ อาทิ สายหนังอัลลิเกเตอร์สีฟ้าอ่อน สายยางสีดำ
โดยทั้ง 3 เวอร์ชั่นนี้ ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 5201 สำรองพลังงานนาน 49 ชั่วโมง กันน้ำลึกได้ 20 เมตร เรียกได้ว่าเป็นเรือนเวลาที่เหล่าสุภาพสตรีจำนวนไม่น้อยต่างต้องตกหลุมรัก
พบกับเรือนเวลาจาก โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติค แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ชั้นจี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 02-160-5838