ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยสุดยอดทำเลทองครองใจคนหาบ้านประจำปี 65

23

ปี 2565 เป็นปีแห่งความหวังของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย แต่กลายเป็นว่าต้องเผชิญมรสุมความท้าทายทั้งจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ผนวกกับภาวะเงินเฟ้อที่ผลักดันให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ล้วนส่งผลให้ทิศทางการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ปีนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิดไว้

อย่างไรก็ดีมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ของภาครัฐอย่างต่อเนื่องและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้ ยังคงเป็นปัจจัยบวกที่ดึงดูดให้กลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้มากขึ้น

ข้อมูลจากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายน 2565 ของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 46.1 เป็น 47.9 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา ถือเป็นสัญญาณบวกสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้กลับมาแล้ว

ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า ปัจจัยภายนอกที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญอันดับต้น ๆ เมื่อเลือกซื้อที่อยู่อาศัยนั้น มากกว่าครึ่งต้องการโครงการที่เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ (53%) ตามมาด้วยเลือกจากทำเลที่ตั้งของโครงการ (50%) สะท้อนให้เห็นว่าคนหาบ้านปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อบ้าน/คอนโดมิเนียมที่

กรุงเทพฯ ยังครองความนิยมเป็นจังหวัดที่ได้รับความสนใจซื้ออสังหาฯ มากที่สุดในรอบปี 2565 ตามมาด้วย อันดับ 2 นนทบุรี, อันดับ 3 สมุทรปราการ, อันดับ 4 ปทุมธานี, อันดับ 5 ชลบุรี, อันดับ 6 เชียงใหม่, อันดับ 7 ประจวบคีรีขันธ์, อันดับ 8 ภูเก็ต, อันดับ 9 พัทยา และอันดับ 10 นครปฐม

โดย 4 อันดับแรกอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้งสิ้น นอกจากนี้เองผลจากการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค ระบบคมนาคมขนส่ง และโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ครอบคลุม และเชื่อมต่อการเดินทางทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยไม่ได้กระจุกตัวแค่ในเมืองหลวงอีกต่อไป ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่นอกเมืองหลวงกลายเป็นทำเลที่น่าจับตามองและเติบโตตามไปด้วย

โดย “คอนโดฯ” กลายเป็นประเภทอสังหาฯ ที่มีการค้นหามากที่สุดทั่วประเทศในรอบปีที่ผ่านมา ด้วยสัดส่วน 42% ตามมาด้วยบ้านเดี่ยวในสัดส่วนที่ไล่เลี่ยกัน (40%) และทาวน์เฮ้าส์ (18%) สะท้อนให้เห็นว่าเทรนด์ที่อยู่อาศัยแนวดิ่งยังคงเป็นที่ต้องการและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ แม้จะไม่มีการเติบโตอย่างหวือหวา แต่การแข่งขันเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ของผู้ประกอบการอสังหาฯ ออกไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ถือเป็นการขยายโอกาสไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ยังคงมีดีมานด์อีกด้วย

สำหรับตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชนเมือง โดยเฉพาะในทำเลที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ยิ่งดึงดูดให้ผู้บริโภคมองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสมบนทำเลที่ตอบโจทย์ เมื่อพิจารณาจากจำนวนการเข้าชมประกาศอสังหาฯ สำหรับขายบนเว็บไซต์ DDproperty พบว่า “สวนหลวง” เป็นทำเลที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี 2565

ด้วยความที่เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีอสังหาฯ หลากหลายรูปแบบให้เลือก และมีข้อได้เปรียบด้านทำเลที่รองรับการเดินทางที่หลากหลาย เมื่อรวมกับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ที่จะเปิดให้บริการในปี 2566 ซึ่งเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าได้หลายเส้นทาง จึงทำให้ “สวนหลวง” กลายเป็นสุดยอดทำเลยอดนิยมในฝั่งผู้ซื้อประจำปีนี้

ประเภทอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ที่มีความสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี 2565 พบว่า ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (55%) ค้นหาคอนโดฯ มาเป็นอันดับ 1 สะท้อนให้เห็นว่า คอนโดฯ ยังคงมีดีมานด์ทั้งจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือนักลงทุน เนื่องจากมีกลุ่มเป้าหมายในการอยู่อาศัยชัดเจน และมีจุดเด่นที่อำนวยความสะดวกให้ใช้ชีวิตในเมืองหลวงได้คล่องตัวกว่า ตามมาด้วยบ้านเดี่ยว (28%) และทาวน์เฮ้าส์ (17%)

ระดับราคาคอนโดฯ ที่มีการค้นหามากที่สุดในรอบปี ได้แก่ ระดับราคา 1-3 ล้านบาท มีการค้นหามากถึง 42% สะท้อนให้เห็นดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าในตลาดกลาง-ล่างที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในราคาจับต้องได้ จึงเลือกที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ และคุ้มค่าเมื่อพิจารณาจากปัจจัยบวกที่ได้จากมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์-ค่าจดจำนอง เหลือเพียง 0.01%

สำหรับที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้สามารถกู้ได้เต็ม 100% ภายในสิ้นปี 2565 นี้ ตามมาด้วยระดับราคา 5-10 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท (ในสัดส่วน 18% และ 16% ตามลำดับ)

สวนทางกับระดับราคาบ้านเดี่ยวที่มีความสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี ได้แก่ ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยสัดส่วน 36% ตามมาด้วยระดับราคา 5-10 ล้านบาท (30%) และระดับราคา 3-5 ล้านบาท (20%) สะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์ในกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและมีเงินเก็บเพียงพอ ที่สนใจเป็นเจ้าของบ้านหรู (Luxury) โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ และผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่รองรับการอยู่อาศัยของสมาชิกในครอบครัว จำเป็นต้องเลือกพิจารณาบ้านเดี่ยวที่ราคาสูงขึ้น เพื่อแลกกับพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์

ส่วนระดับราคาของทาวน์เฮ้าส์ที่มีความสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี พบว่า ผู้บริโภคเกือบครึ่ง (48%) ค้นหาทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 1-3 ล้านบาทมากที่สุด ตามมาด้วยระดับราคา 3-5 ล้านบาท ( 27%) และ 5-10 ล้านบาท (15%) จะเห็นว่าผู้บริโภคให้ความสนใจเลือกซื้อทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคาที่จับต้องได้ เช่นเดียวกับในกลุ่มคอนโดฯ

ด้านการเช่าที่อยู่อาศัยพบว่า “คอนโดฯ” ยังคงครองความนิยมและเป็นประเภทอสังหาฯ สำหรับเช่าที่มีคนค้นหามากที่สุดในรอบปี 2565 ด้วยสัดส่วนถึง 86% เนื่องด้วยเป็นรูปแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในสังคมเมือง ซึ่งมีทั้งวัยทำงานและวัยเรียนเข้ามากระจุกตัวเป็นจำนวนมาก ด้านที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์นั้นมีความสนใจเช่าในสัดส่วนเท่ากันที่ 7%

เมื่อพิจารณาระดับค่าเช่าต่อเดือนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในรอบปี แบ่งตามประเภทอสังหาฯ พบว่า ระดับค่าเช่าคอนโดฯ ที่มีคนค้นหามากที่สุดในรอบปี เกือบ 4 ใน 5 ของผู้เช่า (74%) สนใจค้นหาที่ระดับราคาไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการเช่าคอนโดฯ บนทำเลที่เดินทางสะดวก มีระบบความปลอดภัยที่ไว้วางใจได้ และระบบบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน

ระดับค่าเช่าบ้านเดี่ยวที่มีคนค้นหามากที่สุดในรอบปี ผู้เช่ามากกว่าครึ่ง (59%) สนใจเช่าที่ระดับราคา 30,000 บาทขึ้นไป โดยให้ความสำคัญไปที่การเช่าบ้านเดี่ยวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งอยู่ในทำเลทองที่หาซื้อบ้านใหม่ในราคาที่เหมาะสมได้ยาก มีพื้นที่เพียงพอรองรับการใช้ชีวิตของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งถือว่าคุ้มค่าหากเทียบกับการมีภาระหนี้ก้อนโตในระยะยาวจากการซื้อบ้านในเวลานี้

ระดับค่าเช่าทาวน์เฮ้าส์ที่มีคนค้นหามากที่สุดในรอบปี ผู้เช่าส่วนใหญ่ (38%) ต้องการเช่าที่ระดับราคาไม่เกิน 20,000 บาท โดยมองว่าเป็นราคาที่สอดคล้องและสมเหตุสมผลในการเช่าทาวน์เฮ้าส์ ที่ได้พื้นที่ส่วนตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าการเช่าห้องพักหรือคอนโดฯ ซึ่งสามารถต่อยอดในการทำธุรกิจได้ด้วย