STREGA เดินหน้าเต็มกำลัง จับมือ CPP ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของโลก

334

STREGA เดินหน้าเต็มกำลัง จับมือ CPP ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของโลก
 ลุยเมกะโปรเจคกว่า 3,300 ล้านบาท
ร่วมขุดเจาะท่อขนส่งน้ำมันยาวที่สุดในประเทศไทย

หลุยส์ เตชะอุบล หัวเรือใหญ่ บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN เดินหน้าต่อเนื่องหลังพา บริษัท สเตรกา จำกัด มหาชน (STREGA) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฯ คว้าชัยชนะจากประมูลโครงการก่อสร้างท่อขนส่งน้ำมันมูลค่ามหาศาลกว่า 3,300 ล้านบาท ไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดนำทีมผู้บริหารเข้าร่วมลงนามสัญญาผนึกกำลังกับ บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไปป์ไลน์ บูโร (CPP) เพื่อร่วมโครงการขุดเจาะท่อขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อ (Nothern Fuel Pipline Transportation Project: NFPT) ซึ่งบริษัท สเตรกาฯ ได้รับสิทธิจาก บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ให้เป็นผู้ดำเนินการโดยตรง (Main Contractor) โดยการลงนามครั้งนี้มี พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานกรรมการ บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในงาน พร้อมด้วย นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานใหญ่กลุ่มบริษัท คันทรี่กรุ๊ป ร่วมแสดงความยินดี ที่ห้องสตูดิโอ บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เมื่อวันก่อน

ภายในงานลงนามสัญญามี นางสาวหลุยส์ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ลูกสาว นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ สุวรรณะชฎ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายประเสริฐ ตรงเจริญเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เป็นตัวแทนจาก บริษัท สเตรกาฯ เข้าร่วมลงนามกับ มร. จาง สุ่ยฉิง และ มร. ซาน สุ่ยตง จาก บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไปป์ไลน์ บูโร (CPP) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ China National Petroleum Corporation (CNPC) โดยมี พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานกรรมการ บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติเป็นประธานพร้อมกล่าวถึงสาระสำคัญในความร่วมมือครั้งนี้

บริษัท สเตรกา จำกัด มหาชน (STREGA) และ บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไปป์ไลน์ บูโร จะร่วมมือกันทำการขุดเจาะวางท่อขนส่งน้ำมันแบบเปิดหน้าดิน (Open Cut) และการขุดเจาะแบบไม่เปิดหน้าดิน (Horizontal Directional Drilling : HDD) โดยมีระยะทางการก่อสร้างรวม 568 กิโลเมตร เริ่มจากคลังน้ำมันบางปะอิน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปยังคลังน้ำมันจังหวัดลำปาง มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,300 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นโครงการสำคัญระดับประเทศที่สามารถสร้างผลตอบแทนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับสูงซึ่งส่งผลกระทบในเชิงบวกทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย อันจะช่วยลดปัญหาในการจราจร สิ่งแวดล้อมและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งน้ำมันทางรถยนต์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัท สเตรกาฯ ยังได้ผู้บริหารระดับแถวหน้าของเมืองไทยที่มีประสบการณ์ความรู้ ความสามารถและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาร่วมทำงาน อาทิ นายพิพัฒน์ สุวรรณะชฎ อดีตผู้บริหารระดับสูงจาก ปตท. ที่จะสามารถบริหารและนำพาให้บริษัทก้าวไกลสู่อนาคตที่สดใสต่อไป นอกจากนี้การร่วมมือกับ บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไปป์ไลน์ บูโร ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท CNPC ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 3 ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนิตยสาร Fortune Global 500 ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นและการันตีได้ว่าความร่วมมือในการขุดเจาะวางท่อจะมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างแน่นอน