PTG ตั้งเป้า EBITDA ปี 60 โต 50-60%

29

PTG ตั้งเป้า EBITDA ปี 60 โต 50-60%
เร่งเครื่องขยายธุรกิจ Oil และ Non Oil

“พีทีจี เอ็นเนอยี” วางเป้า EBITDA ปี 60 โต 50-60% จ่อขึ้นแท่นจำนวนปั๊ม ครบ 1,800 แห่ง ดันปริมาณขายโต 30-40% ตั้งงบลงทุน 5,000 ลบ.เร่งเครื่องขยายธุรกิจ Oil และ Non Oil อัพมาร์จิ้น

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม หรือ EBITDA ในปี 2560 เติบโตที่ระดับ 50-60% จากปี 2559 โดยบริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าในปีนี้ปริมาณการขายน้ำมันของบริษัทฯจะเพิ่มขึ้นราว 30-40% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 2.9 พันล้านลิตร โดยบริษัทฯวางงบลงทุนมูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในการขยาย และปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,500 ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 1,000 ล้านบาท ในส่วนของสถานีบริการน้ำมัน ปัจจุบันเรามีจำนวนกว่า 1,400 สาขา ภายในสิ้นปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,800 สาขาทั่วประเทศ อีกทั้งยังมุ่งเพิ่มจำนวนผู้ถือบัตร PT Max Card เป็น 7.4 ล้านสมาชิก เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีจำนวน 5.6 ล้านสมาชิก

ด้านกลุ่มธุรกิจ นอน-ออยล์ (Non-Oil) บริษัทฯตั้งเป้าที่จะขยายสาขาของร้านกาแฟพันธุ์ไทยเป็น 200 สาขาทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2560 จากสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2560 ที่มีสาขาทั้งหมด 60 สาขา ซึ่งจะไม่ได้จำกัดพื้นที่แค่เพียงในสถานีบริการน้ำมันเท่านั้น แต่จะขยายไปตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า มหาวิทยาลัย และสนามบินต่างๆ เพื่อทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องภายใต้แบรนด์ PT Maxnitron ที่มีคุณภาพสูง ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ให้สามารถขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 5 ล้านลิตร ในปี 2560 ในขณะที่การลงทุนในโครงการอุตสาหกรรมปาล์ม คอมเพล็กซ์ (Palm Complex) จะสามารถเริ่มกระบวนการผลิตไบโอดีเซลได้เต็มรูปแบบในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ส่วนโครงการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลัง เพื่อใช้ผสมในผลิตภัณฑ์ตระกูลแก๊สโซฮอล์ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบ และเจรจาซื้อเครื่องจักร รวมถึงโครงการศูนย์บริการ และซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุกแห่งแรก ที่ให้บริการเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ 5 สาขาในปีนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงพิจารณาขยายการร่วมลงทุนกับพันธมิตรอื่นๆ ที่เข้ามาสนับสนุนธุรกิจหลักสามารถเติมเต็มการให้บริการที่ครบวงจรอย่างยั่งยืน

“แนวทางการดำเนินงานของปี 2560 ยังคงเป็นปี ของการขยายจำนวนสาขา และขยายพันธมิตรทางการค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการให้มากขึ้น ซึ่งเรามีความต้องการที่จะเพิ่มปริมาณการขายให้สูงขึ้นตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ จากการขยายสถานีบริการในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น ทำให้ปริมาณการขายต่อสถานีต่อเดือนมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เป็นผลมาจากการพัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และการสร้างฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น และที่สำคัญเรายังให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจ non oil ให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงธุรกิจพลังงานอื่น ๆ อย่างครบวงจร เพื่อลดความเสี่ยงของผลกระทบที่อาจเกิดกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม จากราคาน้ำมันโลกที่ผันผวน หรือค่าการตลาดที่ลดลงในระยะยาว” นายพิทักษ์กล่าว