เอ้ก ดิจิทัล จับมือ ลิสเตอรีน คว้ารางวัล Excellence in Omnichannel จากเวทีระดับนานาชาติ

23

เอ้ก ดิจิทัล จับมือ ลิสเตอรีน คว้ารางวัล Excellence in Omnichannel จากเวทีระดับนานาชาติ Marketing Excellence Awards 2023 โชว์เจ๋งยกระดับการใช้รีเทลมีเดียควบคู่ Deep Tech อย่างมีประสิทธิภาพ

เอ้ก ดิจิทัล (EGG Digital) ผู้นำธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และผู้ให้บริการที่ปรึกษาวางแผนการตลาดดิจิทัล รวมถึงสื่อโฆษณาค้าปลีก ร่วมมือกับ ลิสเตอรีน (LISTERINE) ส่งแคมเปญการตลาด SCREEN TO STORE คว้ารางวัลความเป็นเลิศด้านการตลาดระดับ Gold ในประเภท Excellence in Omnichannel จากเวทีระดับนานาชาติ Marketing Excellence Awards 2023 จัดโดยนิตยสาร MARKETING-INTERACTIVE ประเทศสิงคโปร์ ตอกย้ำความสำเร็จในการใช้ First Party Data และเทคโนโลยีขั้นสูง มาวางกลยุทธ์การใช้รีเทลมีเดียแบบ Personalization and Insight-led Omnichannel และวางแผนคอนเทนต์แบบ Personalized เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคแต่ละกลุ่มอย่างสม่ำเสมอตลอดเส้นทาง (Consistent Experience) ตั้งแต่สร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วมกับแบรนด์ไปจนถึงปิดการขาย โชว์ผลงานสุดเจ๋ง ช่วยดันส่วนแบ่งทางการตลาดของลิสเตอรีนเติบโตขึ้น 15% พร้อมสร้างยอดขายจากกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 38%

ชัชพล องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Insights-led Omnichannel Media บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจ Insights-led Omnichannel Media ให้บริการสื่อโฆษณาแบบ Omnichannel ครบวงจร (End-to-End) ครอบคลุมสื่อโฆษณาในห้าง (In-Store Media) สื่อโฆษณาออนไลน์ (Digital Media) และสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out-of-Home) หรือ Shoppers’ Digital Screen โดยเอ้ก ดิจิทัล ถือเป็นผู้ให้บริการรายแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ใช้ดาต้า และเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI, Machine Learning และดิจิทัลแพลตฟอร์ม มาขับเคลื่อนบริการสื่อโฆษณา พร้อมยึดแนวทางการวางกลยุทธ์การใช้สื่อเชิงลึกด้วย Intelligent O2O2O Media Solution เป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการ สำหรับความร่วมมือกับลิสเตอรีนในครั้งนี้ มีโจทย์สำคัญคือ ลิสเตอรีน ต้องการผลักดันให้ตลาดน้ำยาบ้วนปากในไทยเติบโตด้วยการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากมาก่อน และรักษาการเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากโดยไม่ใช้กลยุทธ์ด้านราคา”

เอ้ก ดิจิทัลเล็งเห็นว่า การเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าที่อยู่นอก Category จำเป็นต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ต้องวางกลยุทธ์การสื่อสารผ่านสื่อโฆษณาอย่างครบลูป ควบคู่กับการ Test & Learn ทดสอบและปรับการสื่อสารระหว่างดำเนินการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถกระตุ้น และปิดการซื้อ ณ จุดขาย โดยเรียกแคมเปญการโฆษณานี้ว่า SCREEN TO STORE โดยบริษัทฯ เริ่มดำเนินการด้วยการนำบิ๊กดาต้าของโลตัส ห้างค้าปลีกชั้นนำ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของเอ้ก ดิจิทัล และเป็นช่องทางจำหน่ายหลักที่สร้างยอดขายให้ลิสเตอรีน มาวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้าของกลุ่มลูกค้าเดิมที่เคยซื้อลิสเตอรีน ทั้งเรื่องรายการสินค้า ค่าใช้จ่ายต่อใบเสร็จ ความถี่ในการซื้อ ฯลฯ จากนั้นประมวลผลเป็นอินไซต์และปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มเป้าหมายใหม่ (New Category) ได้เป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม กลุ่มลูกค้าที่ซื้อของแห้ง และกลุ่มลูกค้าที่ซื้ออาหารสด

SCREEN TO STORE ถือเป็นแคมเปญแรกของลิสเตอรีนที่ใช้กลยุทธ์ Omnichannel media ที่ประสานการทำงานของสื่อโฆษณาออนไลน์ (Digital Media) และสื่อโฆษณาในห้าง (In-Store Media) เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอตลอดเส้นทางการซื้อสินค้า ตั้งแต่การสร้างการรับรู้และการจดจำแบรนด์ ผ่านการใช้โซเชียลมีเดียของห้างค้าปลีก โดยวางกลยุทธ์ยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ทั้ง 3 กลุ่ม และกลุ่มลูกค้าเดิมของแบรนด์ ขณะเดียวกันยังกระตุ้นการตัดสินใจซื้อการใช้ In-store Media ในรูปแบบ Extra Shelf Display ในบริเวณสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายเดินช้อปปิ้ง เช่น บริเวณสินค้ากลุ่มแชมพู ครีมอาบน้ำ เครื่องดื่ม 3 in 1 หรือผักสดและอาหารสด เป็นต้น พร้อมใช้กลยุทธ์ Trailor-made คอนเทนต์ให้ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม โดยคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียและชั้นวางสินค้าจะต้องสอดคล้องกัน เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากซื้อ เพิ่มโอกาสในการหยิบสินค้าลงตะกร้า นำไปสู่การปิดการขายในที่สุด

แคมเปญ SCREEN TO STORE สามารถผลักดันให้ลิสเตอรีนบรรลุเป้าหมายในทุกด้าน ได้แก่ ครองความเป็นผู้นำตลาด ช่วยเพิ่ม ส่วนแบ่งทางการตลาดได้ถึง 15% และยอดขายจากลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ไม่เคยซื้อน้ำยาบ้วนปากแบรนด์ใดมาก่อน เติบโตขึ้น 38% รวมถึงสามารถกระตุ้นสัดส่วนการตอบสนองต่อโฆษณา (Conversion Rate) 4.42 เท่า เพิ่มมูลค่าการซื้อต่อครั้ง (Spending per Shopper) เพิ่มขึ้น 1.19 เท่า และเพิ่มผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) ได้มากถึง 2.34 เท่า สะท้อนให้เห็นว่า กลยุทธ์การทำตลาดแบบ Personalization and Insight-led Omnichannel เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับนักการตลาดในยุคปัจจุบัน ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น นำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการขาย ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ และตัดสินใจซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น

“การคว้ารางวัลระดับ Gold จากเวที Marketing Excellence Awards 2023 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเอ้ก ดิจิทัล และถือเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จของธุรกิจ Insights-led Omnichannel Media และทีมพนักงานทุกคนที่มุ่งมั่นวางแผนการใช้สื่อโฆษณาที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องขอขอบคุณลูกค้าและพาร์ตเนอร์ที่ให้ความไว้วางใจและผลักดันให้สามารถพัฒนาแคมเปญได้อย่างเต็มที่และสร้างสรรค์ รวมถึงทีมงานเอ้ก ดิจิทัลทุกคนที่ทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า” ชัชพล กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ รางวัล Marketing Excellence Awards จัดขึ้นโดย MARKETING-INTERACTIVE นิตยสารออนไลน์ชั้นนำระดับเอเชียด้านการโฆษณาและการตลาดจากประเทศสิงคโปร์ เพื่อยกย่องและมอบรางวัลให้กับองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการจัดแคมเปญการตลาดที่โดดเด่นของประเทศไทย มีการวางกลยุทธ์และสร้างผลลัพธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งดำเนินการพิจารณาคัดเลือกผู้เข้ารอบและตัดสินโดยคณะกรรมการอิสระ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทรงคุณวุฒิและแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรม