นอสตร้า โลจิสติกส์ เผยธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์แข่งดุ แนะใช้เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุนเสริมแกร่ง

16

นอสตร้า โลจิสติกส์ เล็งเพิ่มฐานผู้ใช้แพลตฟอร์มด้านการบริหารจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ซัพพลายเชน 20% ภายในปี 2567 รับอนิสงฆ์ธุรกิจขนส่งสินค้าขยายตัวสูง สอดรับข้อมูลวิจัยกรุงศรีพบธุรกิจขนส่งสินค้าทางถนนโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี จากปัจจัยการค้าชายแดนและผ่านแดนเติบโต การซื้อขายออนไลน์คึกคัก ส่งให้การแข่งขันรุนแรง แต่ต้นทุนค่าแรงงานและเชื้อเพลิงเพิ่มสูง ผู้ประกอบการจึงมองหาการลงทุนเทคโนโลยีใหม่เสริมแกร่งเหนือคู่แข่ง เพิ่มประสิทธิภาพช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายยกระดับความปลอดภัย รับนโยบายกรมการขนส่งทางบก

วรินทร สีสุขดี ผู้อำนวยการอาวุโสส่วนซัพพลายเชนโซลูชัน-เทคโนโลยี บริษัท จีไอเอส จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์ในประเทศไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขนส่งทางถนน จากข้อมูลวิจัยกรุงศรีพบธุรกิจขนส่งสินค้าทางถนนเติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี ในช่วงปี 2565-2567 ปัจจัยหนุนจากการเติบโตของภาคการผลิต การค้า และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ทั้งยังพบการแข่งขันที่รุนแรงจากจำนวนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นและด้านราคา บวกกับต้นทุนค่าแรงงานและเชื้อเพลิงที่เพิ่มเป็นอุปสรรคต่อผลประกอบการของธุรกิจ โดยแนวโน้มของธุรกิจขนส่งมีการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล เพิ่มความโปร่งใสของระบบโดยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกันได้ระหว่างระบบแบบ Ecosystem และสามารถนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์แผนงานต่อได้อย่างยั่งยืน

“ช่วงที่ผ่านมา พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์เพิ่มการลงทุนเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อช่วยการบริหารจัดการงานขนส่งให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และช่วยลดต้นทุน โดย NOSTRA LOGISTICS พัฒนาแพลตฟอร์มด้านการบริหารจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ซัพพลายเชนมากว่า 20 ปี เห็นถึงสิ่งที่ผู้ประกอบการขนส่งต้องการ และตอบโจทย์แก่ธุรกิจอย่างสมบูรณ์ ด้วย 3 จุดแข็งของผลิตภัณฑ์และการบริการ คือ 1.ให้บริการผลิตภัณฑ์หลากหลาย มีความสามารถบริหารจัดการในทุกกิจกรรมการขนส่งและสามารถบริหารจัดการทั้งรถของธุรกิจและรถเอาท์ซอร์ส 2.มีระบบและเทคโนโลยีสนับสนุนการบริหารจัดการและตรวจสอบความปลอดภัยด้านการขนส่ง เป็นมากกว่างานบริหารและติดตามงานขนส่ง 3.บูรณาการระบบให้เชื่อมต่อเข้ากับระบบไอทีอื่นๆ เพื่อทำงานร่วมกันได้ตลอดโลจิสติกส์ซัพพลายเชน เช่น ERP, WMS โดยความสามารถทั้งหมดนี้ ช่วยลดต้นทุนด้านงานขนส่งได้สูงสุด 15-20% ตลอดจนยกระดับความปลอดภัยด้านงานขนส่งสูงสุด”

วรินทร กล่าวเสริมว่า ความปลอดภัยในการขับรถบนท้องถนนนับเป็นสิ่งสำคัญของการบริหารจัดการงานขนส่ง ทั้งจากที่กรมการขนส่งทางบกออกประกาศให้ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารและรถบรรทุกในประเทศไทยต้องจัดให้มีบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) อีกทั้งยังมีงานหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการความปลอดภัยด้านการขนส่ง เช่น รถ การบรรทุกและโดยสาร คนขับรถ การเดินรถ ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งต้องวางแผนและควบคุมกำกับดูแลความปลอดภัยในการขนส่ง รวมทั้งมีแผนการจัดการและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉิน

ซึ่งจากความสามารถของผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์ม NOSTRA LOGISTICS สามารถสนับสนุนภารกิจด้านความปลอดภัยในการขนส่งให้แก่ผู้ประกอบการ ด้วยฟังก์ชันการทำงานบริหารจัดการงานขนส่งที่ครอบคลุมทุกด้าน (TMS) มีระบบแผนที่งานขนส่งแม่นยำสูง และสามารถเชื่อมต่อเทคโนโลยี Telematics เช่น กล้อง MDVR, กล้อง ADAS, กล้อง DMS ซึ่งสามารถทำงานร่วมกัน หรือเรียกว่า MDVR – All in One(AIO) เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยในงานขนส่ง รวมถึงความสามารถในการจัดการข้อมูลจำนวนมาก (Big Data) ผ่านการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงรายงานด้วย Dashboard ที่เข้าใจง่าย สนับสนุนการทำงานและการตัดสินใจได้รวดเร็ว

วรินทร สีสุขดี

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการทุกกลุ่ม ยังสามารถนำระบบ NOSTRA LOGISTICS ไปใช้งานได้ง่าย ได้แก่ 1.ผู้ประกอบการธุรกิจที่จัดการงานขนส่งด้วยตนเอง 2.ผู้ประกอบการธุรกิจที่ให้บริการขนส่ง มีกลุ่มรถของตัวเอง และมีกลุ่มรถของผู้รับจ้างช่วงงานขนส่งร่วมด้วย และ 3.ผู้ประกอบการธุรกิจที่ให้บริการขนส่ง หรือการรับจ้างช่วงงานขนส่ง โดยมีเป้าหมายคือ เพิ่มความสามารถให้แพลตฟอร์ม NOSTRA LOGISTICS พร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรมการทำงานของผู้ประกอบการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำงานสะดวกขึ้น ตลอดจนช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเพื่อผลกำไรเพิ่มขึ้นแก่ธุรกิจ โดยจำนวนรถที่ใช้งานแพลตฟอร์ม NOSTRA LOGISTICS ปัจจุบัน 30,000 คัน เล็งเพิ่มผู้ใช้ 20% ภายในปี 2567

” อย่างไรก็ดี NOSTRA LOGISTICS พร้อมเป็นระบบการบริหารจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีความสามารถครบวงจร ทั้งพื้นฐานในการบริหารจัดการและติดตามงานขนส่ง และการบริหารจัดการและตรวจสอบความปลอดภัยในการขนส่ง เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งและโลจิสติกส์ไทย พร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งทางถนนให้แก่ทั้งธุรกิจและภาครัฐอย่างยั่งยืน” วรินทร ล่าวทิ้งท้าย