IHG Hotels & Resorts ได้เปิดโรงแรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครบ 1,012 แห่ง ซึ่งนับเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญของบริษัทโรงแรมชั้นนำระดับโลกอย่าง IHG ในการเร่งสร้างการเติบโตในภูมิภาค
ในปีที่ผ่านมา IHG ได้ทำการต้อนรับแขกผู้เข้าพักยังโรงแรมแห่งใหม่ๆ หลากหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีโครงการโดดเด่นที่เปิดตัวมากมาย ซึ่งรวมไปถึง Holiday Inn Hotels & Resorts, InterContinental Hotels & Resorts, Regent Hotels & Resorts, Hotel Indigo, Vignette Collection, voco hotels และ Crowne Plaza Hotels & Resorts.
และด้วยความต้องการในการพักโรงแรมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ รวมถึงการคาดการณ์การเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว ทำให้อนาคตสำหรับการท่องเที่ยวดูสดใสเป็นอย่างมากในภูมิภาค และการมีโรงแรมมากกว่า 1,000 แห่ง IHG มุ่งมั่นที่จะเป็นเครือโรงแรมที่ผู้บริโภคเลือกในการเข้าพัก รวมถึงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับเจ้าของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม หรือจุดหมายปลายทางใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ราจิต สุขุมารัน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสและกรรมการผู้จัดการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (EAPAC) ของ IHG Hotels & Resorts เปิดเผยว่า การบรรลุเป้าหมายในการเปิดโรงแรมกว่า 1,000 แห่งในเอเชียแปซิฟิก โดยมีโรงแรมมากกว่า 700 แห่งในจีน ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมสำหรับ IHG ในภูมิภาคที่นับว่ามีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เรากำลังคว้าโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับการเติบโตระยะยาว โดยการลงทุนในแบรนด์ของเรา การมอบผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมให้กับเจ้าของโรงแรม และการขับเคลื่อนการเติบโตในตลาด”
“เราเข้าใจดีว่าผู้คนมีความต้องการที่จะเดินทางไปพบปะกันในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการพักผ่อนหรือเพื่อธุรกิจ เรายินดีที่จะเป็นทางเลือกเพื่อพวกเขา และนำเสนอแบรนด์โรงแรม รวมถึงประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่คัดสรรเป็นพิเศษสำหรับการเดินทางทุกประเภท ”
ทั้งนี้ความสำเร็จในการรักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมในกลุ่ม Mainstream ผ่านแบรนด์ Holiday Inn และ Holiday Inn Express ซึ่งเป็นแบรนด์ยอดนิยมของเรา ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนโรงแรมในปัจจุบันของ IHG และคิดเป็นครึ่งหนึ่งของโรงแรมที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาในเอเชียแปซิฟิก
ขณะเดียวกัน IHG ยังคงเดินหน้าลงทุนในแบรนด์ฝั่งของ Luxury & Lifestyle ทั้ง 6 แบรนด์ของเรา ซึ่งคิดเป็น 22% ของโรงแรมที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาทั่วโลกของเรา หรือประมาณสองเท่าของจำนวนเมื่อห้าปีที่แล้ว โดยมีจุดยืนที่แข็งแกร่งในกลุ่มแบรนด์ Luxury & Lifestyle ในภูมิภาคนี้ โดยโรงแรมในกลุ่มแบรนด์ Luxury & Lifestyle ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งหมดทั่วโลก กว่า 45% อยู่ในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงเป็นที่ตั้งของโรงแรม InterContinental กว่า 60% ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั่วโลก
นอกจากนั้นยังมีโรงแรมที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ อย่าง Six Senses และ Regent นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างที่น่าสนใจอีกมากมายของแบรนด์ Kimpton และ Hotel Indigo ของเรา ซึ่งเรายังยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นแบรนด์ Vignette Collection ซึ่งเป็นแบรนด์คอลเลกชั่นแบรนด์แรกของ IHG ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งแขกผู้เข้าพักและกลุ่มเจ้าของโรงแรม
“เราเข้าใจดีถึงศักยภาพของโครงการคอนเวอร์ชัน ซึ่งจะเห็นได้จาก 36% ของการลงนามทั่วโลกของเรามาจากโครงการคอนเวอร์ชัน ซึ่งเราตั้งใจที่จะขยายพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ของเราในเอเชียแปซิฟิกในพื้นที่นี้ ซึ่งรวมถึง Garner แบรนด์ใหม่ในกลุ่มคอนเวอร์ชันระดับกลางของเรา ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีการเปิดตัวโรงแรมสามแห่งในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นเรายังคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีในภูมิภาคเช่นเดียวกัน”
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีศักยภาพที่จะเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวของโลกในระยะยาว และด้วยมาตรการการเดินทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึง ข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างประเทศ เส้นทางการบินใหม่และสายการบินใหม่ จะเข้ามาเพิ่มความต้องการเข้าพักในโรงแรมในเอเชียแปซิฟิก ซึ่ง IHG มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะคว้าโอกาสนี้ ด้วยแผนเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่จำนวน 705 แห่ง ใน 22 ประเทศจาก 13 แบรนด์ ซึ่งประเทศไทยมีแผนจะเปิดตัวโรงแรมใหม่ถึง 37 แห่ง รวมถึงการส่งเสริมด้วยโปรแกรมสะสมคะแนน IHG One Rewards ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีจำนวนวสมาชิกมากกว่า 130 ล้านคนทั่วโลก
IHG มองเห็นผู้คนที่ออกเดินทางและใช้จ่ายไปกับประสบการณ์ต่างๆ มากขึ้น โดย IHG พร้อมเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในจุดหมายปลายทางที่จะเปิดให้การต้อนรับเร็วๆ นี้ อาทิ ฮาลองเบย์ นางาซากิ ปีนัง ลีฟู หูเป่ย์ และไถจง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นการฉลองในโอกาสพิเศษ หรือเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
การเดินทางเพื่อธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการจองทั้งแบบกลุ่มและเพื่อการประชุม กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีส่วนแบ่งการใช้จ่ายด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจมากที่สุดในโลก และคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570 ซึ่งรวมถึงการกลับมาของการประชุมใหญ่และกิจกรรมต่างๆ เช่น World Business Forum ที่กำลังจะจัดขึ้นในสิงคโปร์
ราจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า นี่นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับ IHG ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมของเราในปีที่ผ่านมานั้น ยิ่งเพิ่มความสนใจจากเจ้าของโรงแรมในการลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลของอุตสาหกรรมโรงแรมแสดงให้เห็นว่ามีโครงการอยู่ในระหว่างพัฒนากว่า 5,700 โครงการทั่วทั้งภูมิภาค และมีมากกว่า 1,200 โครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งรวมถึง 150 โครงการในประเทศไทย
“ด้วยสัญญาณต่างๆเหล่านี้ เรารู้สึกเชื่อมั่นถึงความสำเร็จของเรา ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในทศวรรษที่จะถึงนี้ และเราจะยังคงขยายการเติบโตในตลาดต่างๆ ทั้งที่กำลังพัฒนาและที่พัฒนาแล้วในภูมิภาค และพร้อมมอบประสบการณ์ที่นักเดินทางทั้งในปัจจุบันและอนาคตชื่นชอบต่อไป”