สร้างวันสุขให้ทุกแรงงาน ด้วยวิธีคลายเครียดในที่ทำงาน

92

ในสังคมที่ยังต้องต่อสู้ดิ้นรน ต่อสู้แข่งขัน ทั้งการแข่งขันทางธุรกิจ การแข่งขันของผู้คนในองค์กร รวมทั้งการแข่งขันของเวลาในสังคมเมือง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อความเครียดจากการทำงาน ซึ่งเจ้าความเครียดนี้ มีผลกระทบทั้งด้านสุขภาพกายและใจ รวมไปถึงประสิทธิภาพในการทำงาน จะดีแค่ไหนหากเราได้ทำงานท่ามกลางความสุขและไม่เครียด ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในภาวะที่ต้องดิ้นรนต่อสู้เช่นทุกวันนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเอาเสียเลย

เนื่องในวันแรงงานที่กำลังจะมาถึง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข  ได้รณรงค์วันแรงงานแห่งชาติ ชวนวัยทำงานป้องกันความเครียดที่เกิดจากที่ทำงาน  พร้อมแนะ 5 วิธีคลายเครียด เน้นกล้าเผชิญหน้ากับความเครียดจากงานในองค์กรและจากเพื่อนร่วมงาน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน พูดคุย หรือจัดกิจกรรมคลายเครียดในองค์กร

นายแพทย์อัษฎางค์  รวยอาจิณ  รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันแรงงานแห่งชาติ” ซึ่งกรมควบคุมโรค ได้ให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนทำงาน ที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ และในปัจจุบันพบปัญหาความเครียดจากการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ  บางรายที่มีความเครียดสูงและเรื้อรัง อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตและโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์กับคนรอบตัวรวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลง

สำหรับสาเหตุของความเครียดในที่ทำงาน ส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยทางบุคคล องค์กร และสภาพแวดล้อม เช่น ปริมาณงานที่มาก ช่วงระยะเวลาการทำงานนาน ความสัมพันธ์ในองค์กรไม่ดี มีระเบียบมากไป ความคาดหวังในความมั่นคงและความก้าวหน้าในการทำงาน เป็นต้น นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศไม่เหมาะสม สภาพการทำงาน/โต๊ะทำงานที่ไม่เหมาะสม มีเสียงรบกวน และแสงสว่างไม่เพียงพอ ก็เป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดได้เช่นกัน

นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรค ขอแนะนำวิธีการป้องกันความเครียดที่เกิดจากที่ทำงาน ดังนี้

  1. ค้นหาปัญหา โดยการประชุมกลุ่มในที่ทำงาน อาจจะเป็นกลุ่มเล็กๆ ก่อน ซึ่งจะทำให้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นได้  การทำแบบสอบถามงานที่ก่อให้เกิดความเครียด การสำรวจวันลา/หยุดงาน ความเจ็บป่วยและการเปลี่ยนงาน พร้อมวิเคราะห์สภาพปัญหานั้นๆ
  2. วางแผนและแก้ไข เมื่อทราบปัญหาเราก็จะทราบแนวทางแก้ไข พร้อมแจ้งให้พนักงานทราบแนวทางรวมถึงผลที่จะได้รับ
  3. การประเมินผลหลังจากปฏิบัติตามแผนแล้ว

นอกจากวิธีในการป้องกันความเครียดแล้ว ขอแนะนำ 5 วิธีคลายเครียดในที่ทำงาน โดยเริ่มจากความกล้าเผชิญหน้ากับความเครียดจากงานในองค์กรและจากเพื่อนร่วมงาน  ดังนี้

  1. การทำงานเป็นกะหรือลดวันทำงานในสัปดาห์  (ลดวันทำงานใน 1 สัปดาห์ แต่ชั่วโมงการทำงานรวมเท่าเดิม)
  2. ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม
  3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน มีการพูดคุย จัดกิจกรรมต่างๆ ที่สานสัมพันธ์คนในองค์กร
  4. ระหว่างครอบครัวกับที่ทำงานต้องมีความสมดุล วางแผนแบ่งเวลา ปรับวันหยุดให้ตรงกัน
  5. จัดอบรมหรือสัมมนา เพิ่มความรู้และศักยภาพคนทำงาน เปิดโอกาสให้บุคลากรถามข้อมูลสงสัยหรือตอบกลับองค์กรได้

“การทำงานจำเป็นต้องรู้จักตนเองและเพื่อนร่วมงาน รู้จักจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง รู้จักวิธีลดความเครียด คิดก่อนทำ สร้างความสมดุลระหว่างงานกับการผักผ่อน และเปิดเผยตัวเอง เอาใจใส่ต่อเพื่อนร่วมงาน ซึ่งการทำงานที่ไม่เครียดส่งผลให้งานเกิดประสิทธิภาพ เกิดผลที่ดีทั้งต่อตนเองและองค์กร มีสุขภาพที่ดีไม่เสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อน องค์กรได้งานที่มีคุณภาพ บุคลากรรักองค์กร และครอบครัวมีเวลาให้แก่กัน ส่งผลทางบวกในเชิงเศรษฐกิจด้วย” นายแพทย์อัษฎางค์ กล่าว