ล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้ง ฝ่าวิกฤติภาวะมีบุตรยาก! ด้วย ICSI

13

เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ถือเป็นความหวังใหม่สำหรับคู่สมรสที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุมากและมีภาวะสุขภาพที่ซับซ้อน

การทำ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็อาจมีความท้าทายมากมายเช่นกัน เนื่องจากอัตราความสำเร็จของการทำ ICSI มักลดลงสวนทางกับอายุที่มากขึ้นของผู้หญิงเรา

ข้อมูลทั่วไปจากการศึกษาทางการแพทย์แสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปี จะมีอัตราความสำเร็จของการทำ ICSI โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40-50% ในขณะที่ผู้หญิงอายุ 35-37 ปี อัตราจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 30-40% สำหรับผู้หญิงอายุ 38-40 ปี อัตราความสำเร็จจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 20-25% ส่วนในผู้หญิงอายุ 41-42 ปี อัตราความสำเร็จเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15% และในผู้หญิงอายุ 43 ปีขึ้นไป อัตราความสำเร็จจะลดลงเหลือเพียง 5% หรือน้อยกว่า

โดยสถิตินี้เป็นค่าเฉลี่ยทั่วไปและอาจแตกต่างกันไปตามแต่สภาวะสุขภาพของคนไข้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่มีอายุมาก ในบทความนี้จะเล่าถึงประสบการณ์ของคนไข้หญิงอายุ44 ปี ที่ผ่านการทำ ICSI มาแล้วกว่า 6 ครั้งในช่วงเวลา 5 ปีเต็ม จนกระทั่งพบคำตอบที่เธอรอคอย กับความสำเร็จครั้งที่ 7 ที่ Bangkok Central Clinic IVF & Wellness

ทพญ.นาฏรินทร์ นิธิฉัตรโชติรัตนา (หมอทราย) ประธานกรรมการบริหารบางกอกเซ็นทรัล คลินิก ไอวีเอฟ เวลเนส (Bangkok Central Clinic IVF & Wellness) BCC เล่าถึงคนไข้เป็นหญิงไทยอายุ 44 ปีรายหนึ่ง ที่เริ่มทำ ICSI ครั้งแรกเมื่ออายุ 39 ปี รวมทั้งหมด 6 ครั้งที่สถานพยาบาลอื่น โดยตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา ความพยายามในแต่ละครั้งกลับไม่ประสบความสำเร็จ

ซึ่งในกระบวนการทำ ICSI หลายครั้งส่งผลให้เธอประสบปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) และภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นเกิน (Ovarian Hyperstimulation Syndrome) รวมถึงพบเนื้องอกในปีกมดลูก โพรงมดลูก และกล้ามเนื้อมดลูกที่เติบโตตามการกระตุ้นฮอร์โมน

แม้จะได้รับการผ่าตัดส่องกล้องหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่หมด แม้บางรอบของการทำ ICSI จะได้ตัวอ่อนมากถึง 9-10 ตัว แต่กลับพบว่าเป็นโมเซอิกทั้งหมด และในรอบที่ตัวอ่อนผ่านการตรวจโครโมโซม เมื่อทำการย้ายตัวอ่อนเข้ามดลูกก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ซึ่งแพทย์ไม่ได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนนอกจากคำว่า “อายุมาก” และ “น้ำหนักเกิน” ทำให้เธอต้องเผชิญความสูญเสียทางร่างกาย จิตใจ และเงินไปนับล้านบาท

หลังจากพบกับความล้มเหลวและความท้อแท้ในหลายต่อหลายครั้ง คนไข้จึงตัดสินใจเข้ารับการปรึกษาที่ Bangkok Central Clinic IVF & Wellness ภายใต้การดูแลจาก นพ.ธนัท จิรโชติชื่นทวีชัย (หมอบอล) ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ประจำ Bangkok Central Clinic IVF & Wellness ซึ่งให้การดูแลและให้คำปรึกษาอย่างดี พร้อมให้คำตอบที่ชัดเจนในทุกข้อสงสัยของคนไข้ และช่วยสร้างพลังบวกและกำลังใจให้ด้วยการให้เวลาในการพูดคุยและอธิบายแผนการรักษาอย่างละเอียด ทั้งยังวางแผนการรักษาเพื่อปิดช่องโหว่ในขั้นตอนต่างๆ อย่างที่คนไข้ไม่เคยได้รับคำแนะนำแบบนี้มาก่อน

ซึ่งกระบวนการรักษาที่คลินิกนี้ได้ปรับให้เป็นธรรมชาติและผ่อนคลายมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลดความเครียดและความกดดันจากการทำ ICSI ทั้งหมด เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายใจและมีความมั่นใจในกระบวนการรักษา

หนึ่งในจุดเด่นของคลินิกนอกเหนือจากความชำนาญของแพทย์คือนักวิทยาศาสตร์มีความเชี่ยวชาญ สามารถให้คำปรึกษาและอธิบายเกี่ยวกับตัวอ่อนของคนไข้ได้ ทำให้คนไข้รู้สึกมั่นใจในกระบวนการในครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังมีการติดตามเคสอย่างใกล้ชิดโดยทีมเจ้าหน้าที่ของทางคลินิกให้การดูแลอย่างอบอุ่นและให้คำปรึกษาด่วนตลอด 24 ชม. ทำให้คนไข้รู้สึกถึงความหมายและความสำคัญของการได้รับการดูแลที่มีความใกล้ชิด การพยายามครั้งที่ 7 ที่ Bangkok Central Clinic IVF & Wellness ไม่เพียงแต่นำไปสู่ความสำเร็จในการตั้งครรภ์ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตของคนไข้กลับมามีความหวังอีกครั้ง

ปัจจุบันคนไข้ได้ตั้งครรภ์และมีลูกชายที่รอคอยมานาน การได้รับโอกาสในการเป็นแม่เป็นสิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุดในชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจากความทุ่มเทและการดูแลที่เต็มไปด้วยความใส่ใจจากทีมแพทย์และบุคลากร Bangkok Central Clinic IVF & Wellness จึงเป็นสถานที่ที่สร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตของคนไข้และเป็นที่พึ่งที่สำคัญสำหรับคู่สมรสที่ต้องการเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์แบบ “อ่านรีวิวคนไข้ได้ที่นี่” https://g.co/kgs/P5HgfYm

สนใจสอบถามเพิ่มเติม facebook.com/bccivf line official @bccivf

หรือปรึกษาฟรี 02-252-3420 ,064-479-9538  Website : bccivfwellness.com

📌BCC ชั้น 1โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ (Conrad Bangkok)