“DRIVEN” นิทรรศการและการประมูลงานศิลปะจาก The Art Auction Center

5

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับประสบการณ์สุดพิเศษในนิทรรศการและการประมูลผลงานศิลปะ“DRIVEN” โดย The Art Auction Center บริษัทประมูลศิลปะอันดับหนึ่งของไทย

พบกับงานศิลปะทรงคุณค่าจากศิลปินชั้นนำของวงการจำนวน 133 ชิ้น ที่คุณจะได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดพร้อมนำชิ้นที่ใช่กลับไปเติมเต็มคอลเลคชั่นส่วนตัว

พิเศษสุด! ผู้ร่วมงานจะได้สัมผัสกับสุดยอดยนตรกรรม โดย 911 Assistant ศูนย์บริการ Porscheระดับแนวหน้าของประเทศ ได้นำรถหรูรุ่นพิเศษที่แสดงถึงดีไซน์อันประณีตและสมรรถนะที่เป็นเลิศมาจัดแสดงเคียงข้างกับงานศิลปะ

“การจัดแสดงศิลปะและยนตรกรรมคู่กันในนิทรรศการ “DRIVEN” เป็นการผสมผสานที่แม้จะดูแตกต่าง แต่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างลงตัว ด้วยต่างมีพลังดึงดูดใจในแบบของตัวเอง และสัมพันธ์กันด้วยความตั้งใจ ความประณีต และแรงบันดาลใจจากผู้สร้าง

ในโอกาสนี้ ผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งในแง่ของศิลปะและเทคโนโลยี ซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ กับการได้พบค้นความงดงามที่ขยายขอบเขตออกไปมากกว่าผลงานศิลปะ และยังช่วยให้เราได้สัมผัสถึง ‘แรงขับเคลื่อน’ ซึ่งเป็นหัวใจของทั้งสองโลก”

พิริยะ วัชจิตพันธ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง The Art Auction Center  กล่าวถึงความน่าสนใจของงาน

‘ในการจุดเครื่องยนต์แห่งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในงานศิลปะหรือยนตรกรรม ต่างล้วนเริ่มต้นด้วยประกายไฟ แรงขับที่ผลักดันเราไปข้างหน้าให้มุ่งสู่จุดหมายปลายทาง…’

“DRIVEN” เปรียบดั่งพาหนะชั้นเยี่ยมที่จะนำพาทุกคนพุ่งทะยานไปสัมผัสประกายไฟแห่งพลังและจิตวิญญาณของศิลปิน

งานนี้นับเป็นโอกาสทองของทุกคนที่จะได้สัมผัสผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมซึ่งหาชมได้ยากและร่วมการประมูลซึ่งจะเปิดโอกาสให้คุณได้ค้นหาและเป็นเจ้าของชิ้นงานซึ่งสะท้อนตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์

นิทรรศการ “DRIVEN” เปิดให้ชมระหว่างวันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11.00 – 19.00 น. ที่   ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก, RCB Artery (ชั้น 1) และ ห้อง RCB Galleria 4 (ชั้น 2) และการประมูลผลงาน จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ที่ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก 

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรักงานศิลปะหรือหลงใหลในความเร็ว “DRIVEN” จะพาคุณเดินทางสู่จุดหมายปลายทางอันเกินขอบเขตของจินตนาการร่วมกัน! 

เจาะลึกไฮไลท์งานศิลปะใน “DRIVEN

ประเทือง เอมเจริญ “UNIVERSAL LOVERS / คู่รักจักรวาล” (ปี 2537) สีน้ำมันบนผ้าใบ

‘ผลงานชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือ “จิตวิญญาณศิลปะ” เอกภพกว้างใหญ่มีถัดไปไร้สิ้นสุด ชั่วขณะที่ดวงดาวนับล้านกำลังสูญสลายแตกตับ บ้างระเบิดเพื่อก่อเกิดสายธารดาราใหม่ ท่ามกลางความอ้างว้างที่สสารกระจัดกระจายวุ่นวาย พลังของจักรวาลก็ดึงดูดเข้าหา นำพาคู่รักโคจรมาพบกัน ประเทือง ถ่ายทอดความงามของปรากฏการณ์นามธรรมนั้น ด้วยคู่สีจัดจ้าน รายละเอียดเส้นสายบรรจงขับเน้นพลังของดาวฤกษ์ที่ปลดปล่อยสู่กันและกัน หากเปรียบเป็นเส้นทางนับพันปีแสง ชีวิตมนุษย์นั้นยืนยาวเพียงแสงดาวตกที่คาดผ่านฟ้า แต่ในช่วงเวลาเพียงพริบตานั้น ความรักของเราได้พบพาน’

ถวัลย์ ดัชนี “FISHING BOAT / ตังเก” (ปี 2510) สีน้ำมันบนผ้าใบ

‘เส้นสายที่ชับซ้อนทรงพลังและสีโทนฟ้าสุขุมถ่ายทอดความเงียบสงบและความลึกลับของท้องทะเล ภาพกึ่งนามธรรมของเรือที่แสดงอยู่บนฉากหลังของสีเขียวและฟ้าตัดสลับกันอย่างนุ่มนวลอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ การเล่นแสงและเงา ที่จับเอาจังหวะการเคลื่อนไหวของระลอกคลื่น ปาดป้ายด้วยเกรียงเรียงตัวสอดประสานในรูปร่างเรขาคณิตสไตล์คิวบิสก์ ผลงานชิ้นสำคัญนี้ถูกแขวนประตับ ณ ห้องอาหารขององค์กร JUSMAGTHAI ในช่วงระหว่างสงครามเวียดนาม นับเป็นผลงานหายากที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกอย่างชัดเจน ในยุคที่ ถวัลย์ เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ’

ดำรง วงศ์อุปราช “GOLDEN MOUNT / ภูเขาทอง” (ปี 2504) สีน้ำมันบนแผ่นไม้

‘ผลงานหายากชิ้นสำคัญของ ตำรง ที่ส่องประกายตังเพชรเม็ดงามชิ้นนี้ สร้างสรรค์ขึ้นในยุคที่ศิลปินชนะรางวัล ศิลปกรรมแห่งชาติ ภาพนี้สะท้อนรายละเอียดอันประณีต ผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวลวดลายขัดสานของไม้ ลายแผ่นกระดานของฝาผนัง และพื้นผิววัสดุมุงหลังคา ที่ถูกวาดอย่างพิถีพิถันคงความสมจริง นำเสนอภาพภูเขาทอง ความงามของสถาปัตยกรรมบ้านเรือนและวิถีชีวิตอย่างไทยที่กลั่นผ่านห้วงความคิดของศิลปิน อาศัย มุมมองนำเสนอในแนวตั้งแบบศิลปะสมัยใหม่ สะท้อนความเชื่อมโยงของชีวิตและศรัทธาทางศาสนาที่ถูกรวมเข้าไว้ด้วยกัน’

ถวัลย์ ดัชนี “ปลา” (ปี 2510) หมึกบนกระดาษ

‘ห้วงเวลาสำคัญในชีวิตของถวัลย์ ดัชนี ที่ส่งผลต่อรูปแบบงานอันโด่งดังมากมาย คือช่วงที่ได้ไปศึกษาต่อ ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์โดยได้รับทุนค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายพอประทังชีวิต แต่ก็ไม่สามารถกินอยู่หรูหรา การจะได้ลิ้มลองอาหารจานโตในภัตตาคารจึงเป็นไต้เพียงสิ่งเพ้อฝันแต่ด้วยต้นทุนฝีมือ จึงสามารถวาดโลกจากจินตนาการให้ออกมาเป็นภาพ สองมือแบแผ่ออกประหนึ่งแสดงตนว่าเป็นผู้ได้แหะเนื้อเถือหนังปลาบนจานให้เหลือเพียงกระดูก’

ชาติชาย ปุยเปีย “UNTITLED” (ปี 2556) สีน้ำมันบนผ้าใบ

‘ธรรมชาติ เวลา ฤดูกาลผันผ่าน ชีวิตมนุษย์เวียนวน ก่อกำเนิดบุรุษบรรจบแล้วดับหาย ชาติชาย ปุยเปีย ถ่ายทอดความสันโดษ การแสวงหาและตระหนัก รู้ของจิตภาวะภายใน สะท้อนความคิดและอารมณ์ในใจ แสดงความสงบออกผ่านสีหน้าและการใช้สีในงาน เหล่าผีเสื้อบินตอมดอมดม แทนสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงและเติบโตในมนุษย์ การเข้าใจ โอบรับและกลับคืนสู่สามัญนำมนุษย์หวนคืนสู่ธุลีดิน’

จักรพันธุ์ โปษยกฤต “พระพุทธมหาปารมีนุภาพพิสุทธิ์อนุตตรสังคามวิชัย” (ปี 2553) “สมเด็จพระพุทธเมตตามหาบพิตร” (ปี 2557) “พระพุทธมหาวชิราวุธานุสรณ์” (ปี 2556) เรซิน

‘พรสวรรค์ที่ครอบคลุมศิลปะแทบทุกแขนงของ จักรพันธุ์ เป็นที่ประจักษ์ต่อวงการศิลปะไทยปัจจุบันอย่างไร้ข้อกังขา ทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้เป็น ผู้ออกแบบและตรวจการปั้นหล่อพระพุทธรูปในโอกาสสำคัญ 1) พระพุทธมหาปารมีนุภาพพิสุทธิ์อนุตตรสังคามวิชัย พระพุทธรูปปางมารวิชัย ออกแบบขึ้นเพื่อเป็นพระประธานในการแสดงหุ่นกระบอก เรื่อง “ตะเลงพ่าย” 2) สมเด็จพระพุทธเมตตามหาบพิตร พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบบนฐานบัวออกแบบขึ้นในโอกาสพิเศษ ครบรอบ 80 ปีแห่งการสถาปนาคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3) พระพุทธมหาวชิราวุธานุสรณ์ พระพุทธรูปปางสมาธิ ออกแบบขึ้นเนื่องในโอกาส 100 ปี โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย’

มือบอญ “WHAAM!” (ปี 2565) สีอะคริลิก, สีกวอช, และสเปรย์เพ้นท์บนผ้าลินิน

ผลงานชิ้นนี้ถูกจัดแสดงในนิทรรศการเดี่ยว “WHAAM!” ที่ Black Book Gallery เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2565 ‘ผลงานชิ้นนี้วิพากษ์ศิลปะแนวป๊อปอาร์ตได้อย่างแยบยลในรูปแบบการ์ตูนคอมิกที่ดูสนุกสนาน ด้วยกองทัพนกน้อยแสนน่ารักทำหน้าที่เป็นกบฏทางปรัชญา ตั้งคำถามต่อแนวคิดการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยในยุคแห่งการชื่นชมทางวัฒนธรรม การพิสูจน์ทราบแหล่งที่มาของความคิดในผลงานที่ใครก็เข้าถึงได้ หรือนี่จะเป็นเพียงการยืมมืออัตถิภาวนิยมเข้ามายกระดับภาพลักษณ์สิทธิบริโภคนิยม ติดป้ายให้เป็นศิลปะชั้นสูง แทนที่ข้อเท็จจริงด้วยความเชื่อศรัทธาสร้าง ความจริง อันบิดเมือนขึ้นมา มือบอญ อ้างอิงไอคอนของกระแสป๊อปอาร์ตลงในผลงาน ทั้งด้วยความยกย่องและตั้งคำถามไปพร้อมกัน’

ทองไมย์ เทพราม “WHERE DID WE COME FROM? WHY WERE WE BORN? WHERE ARE WE GOING?” (ปี 2565) สีอะคริลิกและดินสอบนผ้าลินิน           

‘ผลงานจิตรกรรมร่วมสมัยขนาดใหญ่ของ ทองไมย์ นำเสนอการตั้งคำตามใคร่ครวญถึงชีวิต การเดินทางของตัวละครสรรพสัตว์ เอกลักษณ์การใช้สีสัน สดใส จัดจ้าน การแรเงาที่สร้างมิติรูปร่างให้ชัดเจนปรากฏในผลงาน อีกทั้งการนำหลักคิดทางพระพุทธศาสนาเป็นหัวใจในการสื่อสาร กล่าวถึงชีวิตที่ดำเนินไปตามวิถี เมื่อมีผู้ตื่นรู้และมีปัญญาเป็นแสงแห่งความรู้แจ้งนำทาง ย่อมมีผู้คนที่หลงย่ำเดินอยู่ในความมืด แต่เมื่อใดที่พวกเขาเลือกถอดผ้าผูกนั้นออก ตาของพวกเขาก็จะไม่มืดบอดอีกต่อไป’

ก้องกาน – กันตภณ เมธีกุล “SHADE OF SUMMER” (ปี 2562) สีอะคริลิกบนผ้าใบ

‘อดีต ปัจจุบัน และกาลข้างหน้าเป็นสายธารที่เชื่อมต่อกันมายาวนาน ก่อนที่มนุษย์จะรู้จักกับเวลา และจะดำเนินต่อไปเช่นนี้ แม้กาลอวสานจะมาถึง ในโลกที่หมุนอยู่ภายใต้กรอบของสังคมกดดันให้ชีวิตต้องดิ้นรนแข่งขัน แต่กฎของเวลาคือผู้กำหนดที่แท้จริง เพราะมนุษย์นั้นมีอดีตเป็นความทรงจำ ความจริงคือ ปัจจุบัน และความหวังอยู่ในอนาคต ก้องกาน นำเสนอแนวคิดด้วยลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์และสีสันของท้องฟ้าที่อบอุ่นใจ ผ่านตัวละครหญิงสาวที่พบเห็นได้ไม่บ่อยในงานของเขา’

ประยูร อุลุชาฎะ “BOY/เด็กชาย” (ปี 2539) สีพาสเทลบนกระดาษ

‘ปลายพู่กันจุดแต้มสีสันด้วยเทคนิค Pointillism (เทคนิคการสร้างสรรค์จิตรกรรมที่ใช้จุดเล็ก ๆ ต่างสีกันผสานอย่างกลมกลืน) สร้างมิติการรับรู้ภาพ ผ่านระยะต่าง ๆ ผสานความเป็นอิมเพรสชันนิสม์เข้ากับนามธรรมอย่างงดงาม ช่วยเสริมความเข้มข้นทางอารมณ์ให้กับภาพ พื้นหลังที่ดูเคลื่อนไหวอย่างเลือนรางราวกับภาพในความฝัน ระยิบระยับได้ด้วยแสงกระจัดกระจาย ผ่านปริซึม มีภาพเด็กชายแทนความเป็นจริงที่ทั้งเป็นส่วนหนึ่งแต่ก็แบ่งแยกออกจากโลกรอบตัว สะท้อนถึงความไร้เตียงสาของขวบปีที่เรื่องราวของ ชีวิตยังรอการเข้าใจ’

นอกจากนี้ยังมีผลงานศิลปะอันโดดเด่นจากศิลปินชั้นนำที่สะท้อนเอกลักษณ์และมุมมองเฉพาะตัว ที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น สมโภชน์  อุปอินทร์ กับงาน “TRIO”, ประเทือง เอมเจริญ “Natural Phenomenon / ปรากฎการณ์ธรรมชาติ”, กิตติ นารอด “LONDON BRIDGES”, ประหยัด พงษ์ดำ “LOY KRATONG (River Goddess Worship Ceremony) ลอยกระทง”, ทวี นันทขว้าง “BIRD OF PARADISE” ฯลฯ

ทุกผลงานเปี่ยมไปด้วยความหมายและเรื่องราวที่น่าค้นหา รอให้ผู้ชมได้มาสัมผัสและสำรวจอย่างใกล้ชิด

“DRIVEN”

‘ในการจุดเครื่องยนต์แห่งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในงานศิลปะหรือยนตรกรรม ต่างล้วนเริ่มต้นด้วยประกายไฟ แรงขับที่ผลักดันเราไปข้างหน้าให้มุ่งสู่จุดหมายปลายทาง เปรียบเช่นน้ำมันที่หล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ ชีวิตและจิตวิญญาณที่ศิลปินรินรดลงบนผลงาน เป็นเชื้อเพลิงนำพาผู้ชมออกเดินทางแสวงหาคำตอบ ที่ไม่เพียงแต่ปรากฎดั่งกระจกบนแผ่นฟ้า แต่ในภาพสะท้อนของผืนผ้าใบด้วยเช่นกัน ทุกระยะทางที่เคลื่อนผ่านและทุกมุมโค้งที่หักเลี้ยว จะเผยคุณค่าจริงแท้ของการเดินทางที่จะไม่ทำให้ต้องหวนนึกเสียดาย

ความอัจฉริยะทางยานยนต์แห่งโลกอนาคตดำเนินเคียงคู่ภาพสะท้อนของอดีต นวัตกรรมส่งผ่านความเป็นมาของประวัติศาสตร์เพื่อการก้าวไปข้างหน้า รูปลักษณ์ที่ดูคลาสสิกทั้งยังทันสมัย ผสมผสานความสง่างามเหนือกาลเวลาเข้ากับการก้าวล้ำของเทคโนโลยี ฤดูกาลหมุนเปลี่ยนเวียนซ้ำ ศิลปะที่วิวัฒน์ท้าทายขนบเดิม ยังคงดำรงสสารบางประการของงานยุคก่อนหน้า ศิลปะประเพณีและศิลปะสมัยใหม่ยึดโยงบรรจบกันไว้ด้วยเส้นด้ายที่ปราศจากนิยามขอบเขตเวลา ก่อร่างเติมเต็มเรื่องราว ปรากฎเป็นภาพใหญ่ที่สมบูรณ์

เมื่อทุกลูกสูบถูกจุดระเบิดขึ้น เข็มหน้าปัดกวาดแสดงรอบเครื่องยนต์ ส่งสัญญาณปลุกพลังในจิตใจ พร้อมนำผู้ขับขี่ทะยานแหวกว่ายผ่านอากาศไปอย่างมั่นคง ปล่อยสายลมพัดผ่านเข้ามาปลดพันธนาการจิตวิญญาณที่รักในความเร็วและศิลปะให้เป็นอิสระ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายโค้งงามของ Porsche หรือฝีแปรงตวัดปัดป้ายบนผืนผ้าใบ เสียงคำรามของเครื่องยนต์หรือการได้ชื่นชมผลงานชิ้นเอก สิ่งเหล่านี้เปิดโอกาสรอให้คุณก้าวเดินทางและออกค้นพบขอบฟ้าใหม่ เพราะสิ่งสำคัญนั้นหาใช่ความเร็วสูงสุดที่ยานยนต์สามารถทำได้ หรือมูลค่าเงินตราราคาของศิลปะ แต่คือคุณค่าของเรื่องราวสิ่งรายล้อมที่หลอมรวมนักขับและนักสะสมผ่านกาลเวลา เปิดโลกทัศน์ให้ประสบการณ์ของการเดินทางในครั้งนี้ให้สมบูรณ์ไปพร้อมๆ กับอรรถรสจากแรงขับเคลื่อนที่ผลักดันพาเราไปถึงยังจุดหมาย’

ติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/theartauctioncenter  สอบถามที่ Line @theartauction และ โทร. 065-097-9909