สสส. ขยายผล “3ส. 3อ. 1น.” ลดป่วย NCDs

4

สสส. สานพลังมูลนิธิอุทัยสุดสุข ขับเคลื่อนลดป่วย NCDs ใน 13 เขตสุขภาพ ชูความสำเร็จแนวคิด “3ส.3อ.1น.” ภายใน 6 เดือน ช่วยลดความดันสูง 80% เบาหวาน 70% ลดใช้ยา 66.7% ประกาศพร้อมเดินหน้าขยายผลสร้างพื้นที่ต้นแบบ 26 จังหวัด ภายในปี 70 เน้นลดพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพ-ลดตายก่อนวัยอันควรจากโรค NCDs สาเหตุการตายอันดับ 1 เฉลี่ยปีละ 400,000 คน สูญเสียเศรษฐกิจปีละ 1.6 ล้านล้านบาท

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. กล่าวในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนาศักยภาพเครือข่ายกัลยาณมิตรระดับจังหวัดและอำเภอในการขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพดีวิถีใหม่ วิถีธรรม วิถีไทย วิถีเศรษฐกิจพอเพียง สู่นโยบายระดับชาติ” จัดโดย สสส. มูลนิธิอุทัยสุดสุข และกระทรวงสาธารณสุข ว่า โรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 คิดเป็น 75% ของสาเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด หรือเกือบ 4 แสนคนต่อปี ครึ่งหนึ่งเป็นการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจของไทยถึง 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี สาเหตุที่ส่งผลต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ กินอาหารเน้นหวาน มัน เค็ม 40% พันธุกรรม 30% และบริการสุขภาพ 10%

นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า สสส. ให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายผลักดันนโยบายระดับชาติ ของกระทรวงสาธารณสุข คือ นโยบาย “สุขภาพดี วิถีใหม่ วิถีธรรม วิถีไทย วิถีเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ได้รับ โดยพัฒนาพื้นที่ต้นแบบด้านการสร้างเสริมสุขภาพผ่านระบบบริการสุขภาพที่มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพจาก พื้นที่ 12 เขตสุขภาพ ใน 13 จังหวัด จำนวน 17 อำเภอ มีเป้าหมายเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ เช่น การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม การขาดการออกกำลังกาย และความเครียด

โดยนำแนวคิด “3ส. 3อ. 1น.” มาใช้ปรับพฤติกรรม ได้แก่ 3ส. สวดมนต์ สมาธิ สนทนาธรรม 3อ. อาหาร ออกกำลัง อารมณ์ และ 1น. นาฬิกาชีวิต โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค NCDs เน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ผ่านการพัฒนานวัตกรรม เครื่องมือ และกระบวนการเรียนรู้ที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มวัย

“ผลการดำเนินงานภายใน 6 เดือน ช่วยลดการพึ่งพาการใช้ยา และสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อได้มากถึง 2,935 คน โดยมีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงลดลง 80% ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 70% และน้ำหนักลดลง 70% ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยสามารถลดยาได้ถึง 66.7% และหยุดยาได้ถึง (33-52%) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย รวมถึงการประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น จะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ต้นแบบมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน และพร้อมเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป” นพ.เฉวตสรร กล่าว

พญ.ขจีรัตน์ ปรักเอโก ผู้จัดการโครงการฯ กล่าวว่า โครงการขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพดีวิถีใหม่ วิถีธรรม วิถีไทย และเศรษฐกิจพอเพียง ได้ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยการสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างบูรณาการ เน้นการพัฒนากลไกวิชาการและเครือข่ายใน 13 เขตสุขภาพ อาทิ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ได้นำแนวทาง 3ส. 3อ. 1น. มาปรับใช้กับการจัดการโรค NCDs เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าสู่ระยะสงบ และลดการใช้ยาได้อย่างเป็นรูปธรรม

พร้อมส่งเสริมให้ชุมชนนำแนวคิด คู่มือ นวัตกรรม และโมเดลพื้นที่ต้นแบบไปใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพ รวมถึงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่ ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และกำหนดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดีของคนในพื้นที่ เช่น การรวมกลุ่มทำสวนผักและผลไม้ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ ทั้งนี้ เตรียมขยายผลเพิ่มพื้นที่ต้นแบบเป็น 29 พื้นที่ ใน 26 จังหวัด ภายในปี 2570

ดร.นพ.อุทัย สุดสุข ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการมูลนิธิอุทัยสุดสุข กล่าวว่า การดำเนินงานในพื้นที่ต้นแบบ 13 แห่ง ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ แต่ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายระดับประเทศ ด้วยการพัฒนารูปแบบการจัดการโรคเบาหวานในระยะสงบ (DM Remission) ซึ่งประยุกต์ใช้แนวทาง 3ส. 3อ. 1น. ผสานกับการดูแลสุขภาพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับหน่วยงานอื่นๆ ในการประยุกต์ใช้แนวทางที่คล้ายกันในพื้นที่ของตนเอง

โครงการนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในชุมชนและระบบสาธารณสุขของประเทศ สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับแนวทาง 3ส. 3อ. 1น. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.suksud.com