เอกลักษณ์ถิ่น “ปิ่นโตร้อยสาย” กินอยู่สุขใจ ท่องเที่ยวปลอดภัย สร้างรายได้ชุมชน

1

“ปิ่นโตร้อยสาย” ถือเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา จากโครงการ วัฒนธรรมสร้างสุข ท่องเที่ยวปลอดภัย นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านผ่านการรับประทานอาหารพื้นถิ่นภาคใต้ ที่มีการเตรียมอย่างพิถีพิถัน อาหารแต่ละเมนูพื้นบ้านยังสะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของชุมชนย่านนี้

ทุกเมนูผ่านการปรุงรสจากแม่ครัวของแต่ละบ้านในชุมชน ที่ล้วนประกอบขึ้นจากวัตถุดิบคุณภาพจากพื้นที่ในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผักสวนเกษตรอินทรีย์ภายในครัวเรือน ปลาจากทะเลสาบสงขลา หรือ ตลาดนัด 100 ปี วัดคูเต่า ศูนย์รวมวัตถุดิบจากลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา

กำเนิดปิ่นโตร้อยสาย

เตือนจิต ศรีสวัสดิ์ หรือ “พี่เตือน” อาสาสมัครวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา เล่าถึงที่มาของการก่อกำเนิดของ “ปิ่นโตร้อยสาย” ว่า เกิดขึ้นจากปัญหาการจัดประชุมในชุมชนที่ไม่มีงบประมาณสำหรับค่าเดินทางและค่าอาหาร จึงเกิดแนวคิดให้ทุกคนในชุมชนทำอาหารใส่ปิ่นโตมาเพื่อรับประทานร่วมกันหลังการประชุม

หลังจากนั้น เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่ท่องเที่ยวของเรา จึงเสนอให้นำอาหารท้องถิ่น อาหารพื้นบ้าน ที่เราทำกินกันทุกวันในครัวเรือนมาเสิร์ฟให้กับนักท่องเที่ยว ในรูปแบบของปิ่นโต

ส่วนคำว่า ร้อยสาย เกิดจากกลุ่มชาวประมงภาคใต้ ได้มาจัดกิจกรรมปล่อยกุ้ง ในพื้นที่ของเรา ทางประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (ชาญวิทูร สุขสว่างไกร) เสนอให้ทางชุมชนเราจัดปิ่นโตไปเสิร์ฟให้กับคณะ ซึ่งคราวนั้นมากันกว่า 150 คน จึงเป็นที่มาของ “ปิ่นโตร้อยสาย” นับแต่นั้นมา

“มาเยี่ยมบ้านเรา ก็ต้องกินข้าว กินอาหารบ้านเรา เป็นข้อตกลงของผมเลยนะว่า หากมาท่องเที่ยวในชุมชนเราแล้ว ต้องกินข้าวบ้านผม อาหาร ขนม เบรกอะไรก็ต้องเป็นของที่ทำมาจากชุมชน มาจากฝีมือชาวบ้าน ทุกอย่างผมเน้นเป็นผลผลิตเป็นฝีมือของคนในชุมชนเอง” ชาญวิทูร กล่าวเสริม

หลากเมนูเพื่อสุขภาพ คุณภาพคับสาย

พี่เตือน เล่าต่อว่า เมนูอาหารในปิ่นโต ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นอะไร แต่หากขึ้นอยู่กับแต่ละบ้านว่าวันนั้น ๆ ทำอะไรกิน เมื่อต้องส่งปิ่นโต ก็จะทำปริมาณเพิ่มขึ้นและแบ่งเสิร์ฟใส่มาในปิ่นโตเท่านั้น นักท่องเที่ยวจะได้รับประทานอาหารพื้นบ้านเช่นเดียวกับเรา โดยจะเน้นเรื่องสุขภาพด้วย

ปิ่นโตหนึ่งสายจะประกอบไปด้วย ข้าว 1 อย่าง กับข้าว 2 อย่าง และขนมหรือผลไม้ 1 อย่าง เมื่อมารวมกันจึงมีความหลากหลายของเมนูอาหาร ที่ผ่านการคัดคุณภาพทั้งรสชาติและความสะอาด จากพี่เตือนทุกครั้ง

โดยอาหารที่เสิร์ฟในปิ่นโตร้อยสายมีทั้งข้าวสังข์หยด พร้อมกับอาหารท้องถิ่นหลายชนิด เช่น แกงส้มปลาหัวโม่งเขาคัน, ต้มตรุบปลา, ยำสมุนไพร และผักบุ้งผัดกะปิ (เคย) โดยทุกรายการล้วนใช้วัตถุดิบจากพื้นที่ในชุมชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายองค์กรงดเหล้าฯ (สคล.) ที่ชวนชาวบ้านปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ และส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกผักอินทรีย์กินใช้เอง หรือ ใช้ปลา ซึ่งมาจาก ทะเลสาบสงขลา (ดินแดนปลาสามน้ำ) หรือแม้กระทั่งตลาดนัดร้อยปีวัดคูเต่า ศูนย์รวมวัตถุดิบแห่งลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา

ทั้งนี้ วัตถุดิบในท้องถิ่นนี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมสุขภาพชุมชน แต่ยังเป็นเครื่องมือที่สร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจของชุมชนผ่านการท่องเที่ยวอีกด้วย

ปิ่นโตร้อยสายสร้างรายได้ชุมชน

“ปิ่นโตร้อยสาย” ไม่เพียงแต่เป็นการให้บริการอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ แต่ยังช่วยสร้างรายได้ ให้กับชาวบ้านในท้องถิ่น ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน นอกจากการผลิตเสิร์ฟอาหารปิ่นโตแล้ว ยังมีการนำผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากผลผลิตท้องถิ่น เช่น ขนมทองม้วน, ขนมผิง และข้าวหลามแม่ทอม เป็นสินค้าโอทอปที่ได้รับการยอมรับในระดับจังหวัด โดยทุกรายได้ที่เกิดขึ้นมาจากการท่องเที่ยวจะถูกกระจายไปยังผู้คนในชุมชน เช่น เกษตรกรที่ปลูกผักอินทรีย์ หรือผู้ทำขนมพื้นบ้าน ซึ่งช่วยยกระดับเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ แนวคิดของโครงการ “วัฒนธรรมสร้างสุข ท่องเที่ยวปลอดภัย” เป็นงานเสริมพลังและยกระดับการท่องเที่ยวโดยชุมชนสู่ธุรกิจชุมชนปลอดภัยลดปัจจัยเสี่ยงจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอบายมุข ในพื้นที่ตำบลแม่ทอมไม่ได้จำกัดแค่การเสิร์ฟอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชน รวมถึงกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันโดยเป็นชุมชนที่ปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาเสพติด ตลอดจนอบายมุข เน้นการเรียนรู้ เกี่ยวกับการนำผลิตภัณฑ์จากชุมชน มาประยุกต์ใช้ เช่น การ Workshop วิธีทำขนมทองม้วนที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน การท่องเที่ยวที่นี่จึงไม่ใช่แค่การมาพักผ่อน แต่เป็นการสัมผัสกับวิถีชีวิตจริง ของคนในชุมชน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชนอย่างแท้จริง

“ปิ่นโตร้อยสาย” จึงเป็นอาหารที่ไม่เพียงเป็นตัวแทนของความอร่อยจากท้องถิ่น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและสร้างความยั่งยืนให้กับท้องถิ่น ผ่านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ทำให้ชุมชนได้แสดงออกถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นในทุกขั้นตอนการผลิตจนถึงการบริการอาหารแก่ผู้มาเยือน